POLITICS

‘ธีรยุทธ’ ยื่น อสส.ส่งศาล รธน.วินิจฉัยสั่ง ‘พิธา’ ‘ก้าวไกล’ หยุดการเสนอแก้ไข ม.112

‘ธีรยุทธ’ ยื่น อสส. ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่ง ‘พิธา’ – ‘พรรคก้าวไกล’ หยุดการเสนอแก้ไขมาตรา 112 อันเป็นการนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง

วันนี้ (30 พ.ค. 66) เวลา 10:00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอต่ออัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อขอให้พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเกินสมควร เป็นการเปิดช่องทางนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 (2)

นายธีรยุทธ เปิดเผยว่า การกระทำของนายพิธา ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้อง ที่ 2 ได้กระทําการในลักษณะครบองค์ประกอบความผิดตามแนวบรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 19/2564 ที่เคยโปรดวินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีที่กลุ่มบุคคล และองค์กรเครือข่ายได้เรียกร้อง 10 ข้อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางกระทบกระเทือนถึงสถาบันหลักของชาติ ซึ่งศาล รัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้กลุ่มบุคคล และองค์กรเครือข่ายเหล่านั้น เลิกกระทำการอันจะกระทบกระเทือนถึงสถาบันหลักของชาติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นการหยุดยั้งมิให้เกิดการลุกลามจนเป็นอันตรายแก่สถาบันหลักของชาติ

โดยนายธีรยุทธ ได้ยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพูดถึงการใช้สิทธิเสรีภาพที่เกินขอบเขต รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายมาตรา 112 ที่อาจส่งผลกระทบกระเทือนถึงสถาบันหลักของชาติ และความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สู่การทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด พร้อมด้วยเหตุที่รัฐธรรมนูญมาตรา 211 (4) ที่บัญญัติไว้ว่า “คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้เป็นเด็ดขาดมีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ”

ทั้งนี้ นายธีรยุทธ์ กล่าวว่า ตนเองเห็นว่าการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของนายพิธา และพรรคก้าวไกลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพที่เกินความพอเหมาะพอควรมีผลทำให้ กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และ จะนำไปสู่การเซาะกร่อนบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มุ่งหรือประโยชน์ทางการเมืองโดยมีเจตนาไม่สุจริต และเห็นว่าการกระทำของนายพิธา และพรรคก้าวไกล ย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่จะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯ

ตนเองจึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญยื่นคำร้องฉบับนี้ต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้โปรดพิจารณาดำเนินการส่งคำร้องนี้ถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อโปรดพิจารณาวินิจฉัยสั่งการนายพิธา และพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำการใดเพื่อยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และให้เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่กระทำอยู่ รวมทั้งเลิกการกระทําการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 (2) ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้โปรดแนวบรรทัดฐานไว้ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 19/2564

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลได้ตั้งเป็นนโยบายหลักที่หาเสียง การขอให้ยุติหรือเลิกกระทำการดังกล่าวจะทำให้ขัดต่อกฎหมายหาเสียงหรือไม่ นายธีรยุทธ์ กล่าวว่า ได้ติดตามการให้สัมภาษณ์ต่างๆ ของนายพิธา ที่ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวภายหลังจากที่เซ็น MOU เสร็จ ที่ยืนยันกับสื่อว่า จะเป็นการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 ที่คาดว่าจะสำเร็จตามที่นายพิธากล่าวไว้ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่เชื่อว่าจะไปดำเนินการต่อในสภาครั้งหน้า

ฉะนั้นตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัย และสั่งการไว้ที่ 19/2564 ชัดว่า การกระทำใดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ขอให้หยุดยั้ง และเป็นอำนาจโดยตรงขอศาลรัฐธรรมนูญ การกระทำของนายพิธา และพรรคก้าวไกลดังกล่าวเข้าข่ายต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงยื่นให้อัยการสูงสุดใช้ดุลพินิจว่าเห็นตามคำร้องมีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ก่อนจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ

Related Posts

Send this to a friend