POLITICS

ธนกร มอง เศรษฐา เจอ อนุทิน ที่สนามฟุตบอล ไม่มีอะไร เชื่อ รัฐบาลใหม่จะเจออีกหลายด่าน

วันนี้ (30 พ.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.​) กล่าวถึงกระแสทางการเมืองในช่วงนี้ ว่า เรื่องดีลลับนั้นไม่ทราบแต่ในส่วนของ รทสช.นั้นเราไม่ได้ทำอะไร คุยกันเรื่องของอนาคตมากกว่าว่าจะปรับส่วนไหนให้พรรคเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่ต้องการของประชาชนมากขึ้น ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองเราไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ก็ยู่นิ่งๆ ปล่อยให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไป

ส่วนเรื่องที่ ประธานสภาหอการค้าไทยออกมาบอกว่าต่างชาติรออยู่ และกังวลในเรื่องของค่าแรง 450 บาท ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามหรืออินโดนีเซียได้ ตนเองมองว่า รัฐบาลใหม่แม้จะประกาศนโยบายกับประชาชนไปแล้ว แต่หากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาครวมของประเทศควรจะพบปะพูดคุยและทบทวนบ้าง เพราะหลายนโยบายทำยาก ยืนยันว่าไม่ได้ก้าวล่วงแต่มีความเป็นห่วง

เมื่อถามว่าขณะนี้มีสัญญาณพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะย้ายขั้วหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีสัญญาณ และตนคิดว่าพรรคร่วมทุกพรรค หัวหน้าพรรคมีความสนิทสนมกันเป็นกัลยาณมิตรกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ ทุกคนมีการพูดคุยตลอดไม่มีสัญญาณอะไร

เมื่อถามว่าวันนี้พลเอกประยุทธ์ มีความหวังที่จะรอส้มหล่นหรือไม่ นายธนกรระบุว่า คงไม่ และวานนี้พลเอกประยุทธ์ก็ตอบแล้วว่า จะอยู่เฉยๆ ของท่าน ทำงานทุกวันจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ คงต้องใช้เวลา เพราะในส่วนของ ส.ส.ยังไม่ได้มีการรับรอง แม้มีรัฐบาลใหม่ เชื่อว่าจะมีขวากหนามอีกหลายด่านน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ส่วนตัวพร้อมเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว แต่ก็เป็นห่วงรัฐบาลมากถ้าตั้งไปแล้ว มีเรื่องของหุ้นหรืออะไรก็น่าเป็นห่วง หากไปดูคำวินิจฉัยต่างๆ ของศาลรัฐธรรมนูญ ก็น่าเป็นห่วงอย่างที่หลายคนพูด และบางครั้งหลายฝ่ายก็พูดเกินไปหน่อยว่า ถ้าไปถึงขั้นนั้นจะเกิดความขัดแย้งซึ่งตอนคิดว่าบ้านเมืองมาไกลแล้ว อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลย ทุกอย่างควรเป็นไปตามข้อกฎหมายเกิดปัญหาอะไรก็แก้ไปตามนั้น

ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พบกับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่สหราชอาณาจักร นายธนกร กล่าวว่า มันไม่น่ามีอะไรเพราะทุกคนก็รู้จักกัน และตนก็รู้จักหลายคนที่ไปดูบอลที่นั่น หากมีโอกาสก็อยากไป ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกคนเป็นพรรคพวกและรู้จักกันอยู่แล้ว พอหลังเลือกตั้งนี้มองว่าเลือกตั้งเราก็สู้กันทุกรูปแบบหลังเลือกตั้งเราก็เป็นเพื่อนกัน ฉะนั้นการจะไปเจอใคร ไม่เห็นจะมีอะไรเลย และคิดว่าทุกอย่างทำโดยเปิดเผยอยู่แล้วไม่มีใครว่าอะไร

Related Posts

Send this to a friend