’เศรษฐา‘ เผย ที่ประชุม ก.ตร. ส่งเรื่อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขอความเป็นธรรม ให้กองวินัยฯ กลับไปพิจารณา
’เศรษฐา‘ ยังไม่พอใจผลงานตำรวจไซเบอร์ หลังขีดเส้น 30 วัน แต่ให้ทำงานต่อ มองยังทำได้ดีกว่านี้ พร้อมเผย ที่ประชุมก.ตร. ส่งเรื่อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขอความเป็นธรรมทั้งหมด ให้กองวินัย และกองกฎหมายกลับไปพิจารณา เน้นย้ำ ต้องเรื่องความสุจริต โปร่งใส และให้ความป็นธรรมกับทุกฝ่าย ปัดตอบ ปม ’รองโจ๊ก‘ บอกนายกฯ ถูกหลอก
วันนี้ (29 เม.ย. 67) เวลา 15:00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2567 โดยภายหลังการประชุม นายเศรษฐา เปิดเผยว่า วาระที่สำคัญในวันนี้ นอกจากการแต่งตัังผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ยังมีวาระที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้องขอความเป็นธรรมทั้งหมด ทั้งที่ร้องต่อตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และที่ประธาน ก.ตร. โดยที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และรอบคอบ จึงส่งให้กองวินัย และกองกฎหมายพิจารณาตรวจสอบให้รอบคอบ และส่งเรื่องกลับมายังที่ประชุม ก.ตร. ในโอกาสต่อไป พร้อมยืนยันว่า การพิจารณาจะต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม โปร่งใส สุจริต ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าข้อร้องเรียนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐได้ยื่นมากี่เรื่อง นายเศรษฐา กล่าวว่า มีเพียงเรื่องเดียว คือเรื่องการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งกองวินัยเป็นผู้พิจารณา ส่วนเรื่องพนักงานสอบสวนไม่ได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้ ป.ป.ช. นั้น นายเศรษฐา ยืนยันว่า ไม่ได้มีมา ไม่ได้พิจารณาในวันนี้
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ขีดเส้นให้ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ทำผลงานจับกุมอาชญากรรมไซเบอร์รายใหญ่ให้ได้ภายใน 30 วัน นายเศรษฐา กล่าวว่า เริ่มมีผลงานแล้ว แต่อยากให้มีผลงานมากกว่านี้ ก็เริ่มจับได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงรายใหญ่มาก ก็อยากให้มีผลงานมากกว่านี้ และให้ไปทำงานต่อไป เพราะเห็นว่ามีการทำงาน
ทั้งนี้ ก่อนนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ถูกหลอกให้เซ็นคำสั่งส่งตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ปฏิบัติราชการอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี กลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลงนามในคำสั่งให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อนจริงหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว และเดินขึ้นรถกลับออกไปจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
