‘ทักษิณ’ ชี้ ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องพึ่งทางการจีน เพราะมีอิทธิพลกับเมียนมาเยอะ
‘ทักษิณ’ ชี้ ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องพึ่งทางการจีน เพราะมีอิทธิพลกับเมียนมาเยอะ เผยคุยกันแบบไม่เป็นทางการอยู่บ่อยครั้ง บอก ตัดไฟได้ หากเอาไฟไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
วันนี้ (30 ม.ค. 68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ เดินทางมาประชุมกับเจ้าหน้าที่ไทย ถึงการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยรัฐบาลจะมีการสอดรับอย่างไรบ้าง ว่า ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับจีน อย่างไม่เป็นทางการอยู่บ่อยครั้ง จึงได้ฝากไปถึงผู้นำ และผู้ใหญ่ในประเทศจีน ว่าปัญหาความร่วมมือในภูมิภาค ก็ต้องอาศัยจีนช่วยเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนก็มีอิทธิพลกับเมียนมาร์เยอะ และรัฐบาลทหารเมียนมาร์ในวันนี้ ก็ยังต้องพูดคุยกัน แต่เราไม่สามารถคุยโดยตรงได้มากนัก จึงต้องให้จีนช่วย ซึ่งในช่วงนี้ปัญหาการสู้รบในเมียนมาร์ ยังไม่ยุติ
ส่วนความมั่นใจมากแค่ไหนว่าจะสามารถทะลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ซึ่งในวันนี้ นายกรัฐมนตรีก็มีการเรียกประชุมเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้คอลเซ็นเตอร์ในไทยมีแต่น้อย และไม่ได้ใหญ่ ซึ่งไล่ล่าได้ไม่ยาก แต่ปัญหาคือคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ข้างบ้าน แต่ใช้สื่อสารไทย ซึ่งเราได้เข้มงวดไปแล้ว ว่าให้บริษัทสื่อสารทั้งหลาย อย่าขายซิมเป็นแสนซิม จะไปหวังรายได้ตรงนั้นไม่ได้ เพราะครั้งที่แล้วที่เราจับได้มีซิมเป็นแสน ซึ่งได้เตือนบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้แล้ว ว่าขอให้ร่วมมือกัน เพื่อให้ปราบปรามได้เต็มที่ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน ในวันนี้ก็อยู่ในฐานะที่พอคุยกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะทางเมียวดี ที่มีทางรัฐบาลทหารชนกลุ่มน้อยดูแลอยู่ เราก็พยายามประสานกันไป บางทีเจ้าหน้าที่ไทยเรานี่แหละไม่เข้มแข็ง ปล่อยให้คนเข้าออกได้ง่ายเกินไปโดยไม่มีการตรวจ วันนี้เราก็พยามหาทางแก้หลายอย่าง รวมทั้งเศรษฐกิจด้วย
นายทักษิณ ยังมั่นใจว่าการตัดไฟฟ้า จะช่วยในเรื่องนี้ได้ และทั้งไฟฟ้าและสื่อสารก็ต้องทำคู่กัน
ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไทยมหาด บอกว่ายังดำเนินการไม่ได้ เพราะว่าเป็นสัญญาที่ถูกต้อง นายทักษิณ กล่าวว่า สัญญาสามารถยกเลิกได้ ถ้าสัญญานั้นนำไปใช้ในสิ่งไม่ถูกต้อง