นายกฯ ยอมรับ รัฐบาลบกพร่อง พร้อมขอโทษ ปชช.ที่ไม่สามารถปกป้อง
ชี้ ต้องแก้กฎหมาย ยกระดับการเตือนภัย เผย เตรียมขนทีมเศรษฐกิจ – ผู้บริหารสถาบันการเงิน ลงพื้นที่ดูหาดใหญ่พรุ่งนี้ เพื่อให้เห็นกับตา ก่อนปล่อยสินเชื่อฟื้นฟู – ซ่อมแซมทรัพย์สิน
วันนี้ (29 พ.ย. 68) เวลา 13:15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ ว่า ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) จะเดินทางลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อีกครั้ง โดยจะมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายอัครุตม์ สนธยานนท์ อธิบดีกรมธนารักษ์, นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.), นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย, นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และรักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ร่วมคณะลงพื้นที่
สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์จริงทั้งหมด และจะได้เตรียมการเรื่องของให้สินเชื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างเต็มที่ ซึ่งต้องลงพื้นที่ไปเห็นหน้างานด้วยตัวเองจะได้เห็นภาพ และนำกลับมาทำงานได้ด้วยความเข้าใจ และรวดเร็วในการให้ความช่วยเหลือ
ส่วนที่เรียก นายเอกนิติ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็เป็นการสรุป และสิ่งที่ต้องช่วยเหลืออย่างโดยด่วน หลังจากลงพื้นที่มา ได้มอบภารกิจให้กับรัฐมนตรี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวันนี้ก็จะเร่งให้กระทรวงมหาดไทย นำรายชื่อผู้ที่จะได้รับการเยียวยา หลังรัฐบาลได้อนุมัติกรอบวงเงินไว้เรียบร้อยแล้ว ครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งคาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าเงินเยียวยาจะถึงมือประชาชน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ยอดการเยียวยาอาจจะทะลุไปถึง 30,000 บาท นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเยียวยามีหลายอย่าง ตอนนี้ตรงไหนที่ใช้เยียวยาได้ก็เอาออกมาใช้ให้หมด เช่น งบฯ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ครัวเรือนละ 9,000 บาท ก็จะดำเนินการทันที และยังมีเรื่องของการซ่อมแซมบ้าน ตามความเสียหายจริงครัวเรือนละไม่เกิน 45,000 บาท ซึ่งตนจะระดมคนลงพื้นที่ไปเร่งสำรวจ โดยหากคนส่วนกลางไม่พอ ก็จะระดมคนจากส่วนภูมิภาคลงไปช่วยเหลือด้วย
นอกจากนี้ จะมีการให้สินเชื่อเพื่อฟื้นตัว รายละไม่เกิน 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย ในระยะเวลา 6 เดือน และอีกก้อนหนึ่งคือ สินเชื่อเพื่อนำไปซ่อมแซมทรัพย์สิน ครัวเรือนละ 100,000 บาทเช่นกัน และระยะเวลา 1 ปี ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ตอบรับมาแล้ว ว่า สถาบันการเงินมีแหล่งเงินเพียงพอในการให้สินเชื่อ ซึ่งส่วนนี้ก็จะเป็นธนาคารของรัฐ ที่รับนโยบายอยู่แล้ว ถึงการพักหนี้ พักดอกเบี้ย ซึ่งนายเอกนิติ และนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังหารือ เพื่อขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ เพราะเราไปบังคับเขาไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือ
ส่วนเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ ก็จะมีการจัดให้มีสินค้าราคาทุน หรือต่ำกว่าทุน จัดเป็นมหกรรมหรือศูนย์กลางเพื่อจำหน่ายสินค้า ให้กับประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ยืนยันว่า ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ และผู้ผลิตบางคน ให้สินค้าราคาทุน และยังแถมสินค้ามาเพิ่มให้ด้วย
นายกรัฐมนตรี ย้ำอีกว่า เมื่อวานนี้ระหว่างลงพื้นที่พบเจอใครก็บอกขอโทษ ที่รัฐบาลไม่สามารถดูแลปกป้องให้พวกเขามีความปลอดภัยได้
ส่วนที่ตอนนี้เข้าสู่ระยะฟื้นฟูแล้ว ได้มีการสรุปถึงสาเหตุปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ อ.หาดใหญ่ วิกฤติหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้มองไปข้างหน้า เรื่องที่มาของปัญหาอย่างไร รัฐบาลก็มีความบกพร่อง ตนก็ยอมรับว่า จะมาจากที่ไหนก็แล้วแต่ เมื่อมีคนเสียชีวิต มีคนสูญเสีย มีคนบาดเจ็บอยู่บ้านไม่ได้ มันก็คือนายกฯ ทั้งนั้น ซึ่ง คือเหตุผลที่ต้องลงไปประจำ ต้องใช้องคาพยพ ใช้ความรู้ประสบการณ์ทั้งหมดที่มีอยู่ทุ่มเทลงไปในจุดแห่งปัญหานี้ และเร่งแก้ปัญหาพลิกฟื้นให้เร็วที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีความจำเป็นต้องหาถึงต้นตอ จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในอนาคต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้นตอมีหลายอย่าง เรื่องของการเตือนภัยจะต้องมีการยกระดับว่า เตือนภัยแล้วต้องออกจากบ้านทันที ซึ่งต้องมาแก้กฎหมายอีก เมื่อสักครู่นั่งคุยกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ไม่ใช่ว่า เตือนใครจะออกก็ออก ต้องมีการซ้อมการหนีภัย ซึ่งได้สั่งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะเราทราบจุดที่เสี่ยงเกิดภัยอยู่แล้ว ต้องดำเนินการ และเรื่องของสภาพภูมิประเทศ จ.สงขลา คือ แอ่งกระทะจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเมืองหาดใหญ่คือ กระทะ ทุกอย่างก็ไหลลงมากองอยู่ก้นกระทะ ตอนนี้ต้องไปนั่งแก้ไข ถนนเป็นอุปสรรคหรือไม่ ถ้าถนนเป็นอุปสรรคจะทำอย่างไร เพื่อให้ส่วนแนวถนนเป็นที่ระบายน้ำ ก็ต้องมาดูรายละเอียดเยอะ พอระบายไปที่ทะเลสาบสงขลา หากเกิดมีช่วงหนึ่งน้ำทะเลหนุนมากกว่าช่องรูถนน จะทำให้น้ำกลับไหลเข้าเมืองอีกหรือไม่ ตรงนี้กรมทางหลวงต้องดูอย่างละเอียด ทางเลี่ยงเมืองต้องคิดแล้วว่า จะเลี่ยงอย่างไร ทำให้เป็นคันกั้นน้ำ เอาไว้รายละเอียดค่อยว่ากัน












