‘ก้าวไกล’ ผลักดันปลดล็อกท้องถิ่น หวังสภาฯ ผ่านวาระแรก
ธนาธร – ปิยบุตร – พรรณิการ์ เข้าสภาฯผลักดันปลดล็อกท้องถิ่น หวังสภาฯ ผ่านวาระแรก ขอ ส.ส. – ส.ว. โหวตเห็นด้วย
วันนี้ (29 พ.ย. 65) ที่อาคารรัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า แถลงข่าวเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่น หลังถูกบรรจุสู่วาระในการประชุมสภา วันที่ 29 – 30 พ.ย. นี้
นายธนาธร ระบุว่า ดีใจอย่างมากที่การรณรงค์ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่น มาถึงจุดนี้ได้ หวังว่าผู้แทนจากพรรคต่างๆ จะเห็นถึงความสำคัญของการกระจายอำนาจ โดยใจความหลัก ๆ มีดังนี้
- จัดสรรภาษีให้เป็นธรรม จากเดิมที่แบ่งงบส่วนกลาง 70% งบท้องถิ่น 30% จะเปลี่ยนเป็นอย่างละ 50% เพื่อให้องค์กรท้องถิ่นมีอำนาจจัดการดูแลพื้นที่ตนเอง ให้นำเงินไปใช้อย่างทันท่วงที เป็นธรรม และจะแก้ไขปัญหาเรื่องการพัฒนาในแต่ละตำบล
- ให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มที่ในการดูแลบริการสาธารณะของตัวเอง ออกแบบพื้นที่ตัวเองอย่างเต็มที่
- จัดทำประชามติ แลกเปลี่ยนถกเถียงกัน หาฉันทามติร่วมกัน หากลดบทบาท และสถานะของราชการจะเป็นอย่างไร ราชการส่วนภูมิภาคยังจำเป็นอยู่ไหม จะได้ยุบรวมกัน และนำงบมาพัฒนาพื้นที่นั้น ๆ
“หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน รายละเอียดอาจต่างกัน ซึ่งสามารถไปแก้ไขกันในรายละเอียดได้ในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ได้ หากถึงปลายทางร่างไม่พอใจค่อยไปโหวตตกในวาระที่ 3 ก็ยังได้ โดยเชื่อว่าจะปลดล็อกประเทศไทย ทำให้ท้องถิ่นดีขึ้น”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมถึงแนวทางในอนาคต นายธนาธร ระบุว่า การกระจายอำนาจอย่างเป็นธรรมเป็นความฝันตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ และจะเดินตามทางนี้ต่อไป ไม่ว่าสภาจะโหวตตกหรือไม่ก็ตาม เชื่อว่าอดีตสมาชิกจากพรรคอนาคตใหม่ ที่ขณะนี้อยู่พรรคก้าวไกลจะนำแนวนโยบาย และอุดมการณ์ไปเสนอเป็นนโยบายเลือกตั้งสมัยหน้า
นายปิยบุตร กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน ได้รายชื่อมากว่า 80,000 รายชื่อ เป็นอีกร่างที่ประชาชนเข้าร่วมรายชื่อมา ทั้งองค์กรส่วนท้องถิ่น และนักวิชาการก็สนับสนุนการกระจายอำนาจ ซึ่งหากสมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบ แม้จะหมดวาระในสภาไป อาจทำให้ร่างฯ ตกไป แต่คณะรัฐมนตรีชุดหน้า มีสิทธิ์นำเรื่องนี้มาร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาต่อไปได้ และหากคณะรัฐมนตรีจะไม่เสนอให้พิจารณาต่อ เราในฐานะตัวแทนที่เข้าชื่อมีสิทธิ์ให้ดำเนินงานต่อไปได้ จึงอยากให้ช่วยสนับสนุนกัน เพราะประโยชน์ไม่ได้ตกที่พวกเรา เนื่องจากถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว แต่ประโยชน์จะตกอยู่ที่ประชาชน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าร่างฯ จะผ่านไปได้
ส่วนเรื่องหากปลดล็อกท้องถิ่นไปแล้วจะมีการทุจริตหรือไม่นั้น นายปิยบุตร ระบุว่า วันนี้มีการกระจายอำนาจไม่เต็มที่ยังมีการทุจริตอยู่เลย ซึ่งก็สะท้อนว่าการกระจายอำนาจไม่สัมพันธ์กับการทุจริตโดยตรง แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไปด้วย และเชื่อว่าหากกระจายอำนาจมาก การทุจริตลดน้อยลง
นางสาวพรรณิการ์ ฝากถึงประชาชนที่รู้สึกว่าการกระจายอำนาจเป็นเรื่องที่ห่างไกล แต่ที่จริงแล้วเกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง คนจากต่างจังหวัดจะกลับไปทำงานที่บ้านได้ มีงานที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดี การปลดล็อกครั้งเดียวแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประชาชนได้ทั้งประเทศ จะเป็นการปฏิรูปโครงสร้างครั้งใหญ่ของไทย












