POLITICS

เปิดบัญชี ‘อดิศร’ รวย 13 ล้าน ’นพดล’ มีทรัพย์สิน 55 ล้าน ‘เอกนัฏ’ รวยที่ดินกว่า 700 ล้าน

เปิดบัญชี ‘อดิศร’ รวย 13 ล้าน ’นพดล’ มีทรัพย์สิน 55 ล้าน ห้องชุด 4.5 ล้านบาท ‘เอกนัฏ’ รวยที่ดินกว่า 136 แปลง รวมกว่า 700 ล้านบาท

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดย นายอดิศร เพียงเกษ สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล แจ้งบัญชีทรัพย์สินพร้อมคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยแจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 13,364,559.38 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท มีเงินฝากทั้งของตัวเองคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะรวม 672,711.62 บาท มีที่ดินรวมภรรยา 5 แปลง ในจังหวัดขอนแก่นได้มาจากการซื้อ รวมมูลค่า 2,520,000 บาท ขณะที่รายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง รวม 8,173,000 บาท โดยเป็นบ้านพักอาศัย 2 หลัง และห้องชุดอาศัย 3 ห้องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยานพาหนะ จำนวน 4 คัน มูลค่า 650,000 บาท

ขณะที่รายการทรัพย์สินอื่น แจ้งว่ามีมูลค่า 1,125,000 บาท ระบุว่ามีเงินสดวางศาลซึ่งเป็นเงินค่าประกันตัวที่ศาลอาญารัชดากรุงเทพฯ คดีก่อการร้าย ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2562 มูลค่า 600,000 บาท และเงินสดวางศาลอาญารัชดา ในคดีความผิดมาตรา 116 ที่โอนย้ายจากศาลพัทยาลงวันที่ 26 เมษายน 2562 จำนวน 200,000 บาท และมีนาฬิกา 2 เรือนรวมมูลค่า 321,000 บาท

นายอดิศร แจ้งข้อมูลรายได้ต่อปี 333,600 บาท มาจากเงินกองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา 212,600 บาท เงินชำนาญพิเศษ 120,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 300,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว 200,000 บาท ค่าเล่าเรียนบุตร 100,000 บาท

นายนพดล ปัทมะ สส.พรรคเพื่อไทย บัญชีทรัพย์สินพร้อมบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยมีทรัพย์สินทั้งหมด 55,978,881.66 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 9,955.61 บาท โดยทรัพย์สินส่วนประกอบด้วย เงินสด 900,000 บาท เงินฝาก 3 บัญชีรวม 3,336,685.24 บาท เงินให้กู้ยืม 11,036,269.04 บาท โดยให้บริษัทไทยกระท่อม จำกัด กู้ยืม จำนวน 8 ครั้ง ในปี 2565 และแจ้งว่ามียอดหนี้คงค้างรวมดอกเบี้ย 7,547,918.35 บาท และให้บริษัท อีสานา ฟู้ดส์จำกัด กู้ยืมเงิน 2 ครั้งเมื่อปี 2565 รวม 3,400,000 บาท และยังมียอดหนี้คงเหลือพร้อมดอกเบี้ยรวม 3,488,350 บาท

ส่วนรายการที่ดินแจ้งว่ามีจำนวน 8 แปลง อยู่ที่อำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี รวมมูลค่า 8,482,313.75 บาท ได้มาจากการซื้อเมื่อปี 2565 ขณะที่โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 9,800,000 บาท ประกอบด้วยห้องชุด 2 ห้อง อยู่ที่อาคารชุดเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ห้วยขวาง มูลค่า 4.5 ล้านบาทได้มาจากการซื้อเมื่อปี 2540 และห้องชุดอาคารชุดรีวันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน มูลค่า 5,300,000 บาทได้มาจากการซื้อเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565

มียานพาหนะ 1 คัน มูลค่า 300,000 บาท สิทธิสัมปทาน 12,480,582 บาท ประกอบด้วยหนังสือรับรองสิทธิหรือคูปองค่าเทอม จากโรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์ กรุงเทพฯ และบริษัทรีเจ้นท์ บางกอก เอดูเคชั่น จำกัด ปัจจุบันมียอดคงเหลือมูลค่า 12,280,582 บาท ได้มาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ใช้สำหรับจ่ายค่าเทอมค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่โรงเรียนเรียกเก็บเงินดังกล่าวเกิดจากการที่นายนพดลขายบ้านและที่ดินย่านห้วยขวางให้กับผู้บริหารโรงเรียนรีเจ้นท์มูลค่า 75 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของโรงเรียนประสงค์ชำระการซื้อขายเป็นเงิน ห้องชุดและบางส่วนเป็นหนังสือรับรองสิทธิหรือคูปองค่าเทอมมูลค่า 19,500,000 บาท บัตรสมาชิกราชกรีฑา สโมสร โปโลคลับ มูลค่า 200,000 บาท

นอกจากนี้ยังแจ้งว่ามีสิทธิในหนังสือ 2 เล่ม ระบุมูลค่าว่าไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ คือ “ผมไม่ได้ขายชาติ” ได้มาเมื่อเดือนตุลาคม 2551 และหนังสือ “มหากาพย์เขาพระวิหาร” แจ้งว่าได้มาเมื่อเดือนมีนาคม 2559

ขณะที่รายการทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่า 2,954,500 บาท โดยแจ้งว่ามีอาวุธปืน 14 กระบอก เช่น ปืน glock 19 ขนาด 9 มม.และ glock 27 ขนาด .40 และ ปืนลูกซอง remington versa max รวมมูลค่า 1,612,000 บาท แจ้งมีนาฬิกา 9 เรือน รวมมูลค่า 598,000 บาท ขณะที่บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแจ้งว่ามีเงินลงทุน 4,500,000 บาท

นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ุ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ แจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยระบุว่ามีทรัพย์สินทั้งหมด 1,192,047,954.88 บาท ระบุมีเงินฝาก 8 บัญชี รวม 2,095,630.28 บาท เงินลงทุน 7,930,000 บาท โดยเป็นผู้ถือหุ้น 4 บริษัท ประกอบด้วยบริษัทเจริญผลปาล์ม จำกัด บริษัทภาเจริญ จำกัด บริษัทชาบู บารู จำกัด และบริษัทแปซิฟิค เอ็กซ์คลูซีฟ ซิตี้ คลับ จำกัด เงินให้กู้ยืม 327,811,777.10 บาท โดยเป็นการปล่อยกู้ให้กับ 3 บริษัท คือบริษัท ชนาพนธ์ จำกัด โดยระบุตั๋วสัญญาใช้เงิน บริษัทภาเจริญ จำกัด และบริษัทเจริญผลปาล์ม จำกัด ที่ดินมูลค่ารวม 724,194,0070.50 บาท เป็นที่ดินในอำเภอชนแดน และอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โดยมีทั้งได้มาจากการซื้อ การรับจำนอง กรรมสิทธิ์ ไถ่ถอนและจากการให้ และมีที่ดินจำนวน 30 แปลงอยู่ที่อำเภอหล่มสัก และ อำเภอวิเชียรบุรี และ อำเภอ บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ที่ดินอำเภอบางปะอิน และเขตบางบอน ประเวศกรุงเทพฯ รวมมูลค่า 312,660,570 บาท ระบุการได้มาว่าได้มาจากการให้ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 จำนวน 22 แปลง ได้มาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2558 จำนวน 7 แปลง และ 1 แปลงได้มาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558 นอกจากนี้ยังมีที่ดินที่เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ และที่ดินอำเภอเกาะสมุย อำเภอพุนพินจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ขณะที่รายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 107,618,540 บาท แบ่งเป็นบ้านที่พักอาศัย ได้มาจากการให้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2558 รวมมูลค่า 43 ล้านบาท มีห้องชุดจำนวน 8 ห้อง อยู่ในเขตลาดยาว ได้มาจากการซื้อ และห้องชุดย่าน ปทุมวัน กรุงเทพฯ มาจากการให้โดยมีมูลค่า 37,503,200 บาท มียานพาหนะ 1 คัน มูลค่า 1,600,000 บาท ขณะที่รายการทรัพย์สินอื่น มีมูลค่ารวม 2,800,000 บาท แบ่งเป็นนาฬิกา patek philippe 1 เรือนมูลค่า 1,800,000 บาท และพระผงสุพรรณ 1 องค์ได้มาเมื่อปี 2547 มูลค่า 1,000,000 บาท

ทั้งนี้นายเอกนัฏแจ้งว่ามีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 4,908,480 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน สส. 908,480 บาท เงินรายได้จากการทำไร่ 4,000,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายประจำปีแจ้งว่าเป็นค่าอุปโภคบริโภค 4,800,000 บาท มีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรมาตรา 40 อยู่ที่ 8,475,089 บาท

Related Posts

Send this to a friend