‘พิพัฒน์’ ตรวจเยี่ยม สปส. มอบนโยบายหลักประกันทางสังคม ยกระดับคุณภาพแรงงาน
วันนี้ (29 ก.ย. 66) เวลา 10.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม ณ ห้องประชุมอำพล สิงหโกวินท์ ชั้น 6 อาคารอำนวยการ สำนักงานประกันสังคม พร้อมเยี่ยมชมศูนย์อำนวยการจัดการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม (ศอ.กต.นจ.ผปต.) ณ ชั้น 1 อาคารวิทุร แสงสิงแก้ว สำนักงานประกันสังคม
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนมีนโยบายสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานภายใต้แนวคิด “ทักษะดี มีงานทำ หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะสามารถให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตน จากการขาดรายได้เมื่อต้องประสบปัญหาจากสถานการณ์ต่าง ๆ และเพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรม จึงเน้นย้ำถึงภารกิจของสำนักงานประกันสังคม ดังนี้
1.Micro Finance ลดหนี้ เติมทุน สร้างสุข เพื่อพัฒนาและยกระดับให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
2.กองทุนมั่นคง แรงงานมั่งคั่ง ประกันสังคมยั่งยืน โดยต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และมีความยั่งยืน
3.Best e-Service ประกันสังคมยุคใหม่ สร้างความมั่นคง เพิ่มความมั่นใจ ยกระดับการให้บริการของสำนักงานประกันสังคม ผ่าน e-Service โดยนำระบบ e-Claim มาใช้ในการให้บริการเบิก-จ่ายเงิน และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตน
4.สร้างรากฐานเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงาน ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้มีความเหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
5.การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการทางการแพทย์ ยกระดับการให้บริการทางการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค แก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตนโดยผู้ประกันตนต้องได้รับการบริการทางด้านสุขภาพอนามัย การรักษาพยาบาลที่ดีขึ้นกว่าเดิม
6.จัดทำสิทธิประโยชน์ Package Premium สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 เช่น เพิ่มสิทธิกรณีเจ็บป่วย ชดเชยรายได้ตามค่าแรงขั้นต่ำ ค่าตอบแทนกรณีนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยอาจยกระดับให้เท่ากับผู้ประกันตนมาตรา 39 รวมทั้งการจูงใจให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ให้ผู้บริหารผลักดันนโยบายให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ผลักดันนโยบายรัฐบาลและนโยบายกระทรวงแรงงานให้เป็นผลสำเร็จ โดยยึดประโยชน์สูงสุดของลูกจ้าง ผู้ประกันตนเป็นหลัก และให้ติดตามการทำงานของรัฐบาลและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน รวมทั้งสำนักงานประกันสังคมต้องสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีธรรมาภิบาลเพื่อให้สาธารณชนได้มีความเชื่อมั่น และมั่นใจในระบบประกันสังคม
จากนั้นนายพิพัฒน์ ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการจัดการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม พร้อมกล่าวว่า กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมกำหนดให้ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ฝ่ายละ 7 คน เป็นคณะกรรมการโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตน สัดส่วนระหว่างหญิงและชาย รวมทั้งการมีส่วนร่วมของคนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วิธีการได้มาซึ่งคณะกรรมการประกันสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของลูกจ้างผู้ประกันตน และความมั่นคงของระบบประกันสังคมไทย สำนักงานประกันสังคม จึงมีการดำเนินการจัดการเลือกตั้งฯ ดังต่อไปนี้
กำหนดให้วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เวลา 08.00-16.00 น. เป็นวันเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ณ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง และที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดทั่วประเทศ เปิดให้มีหน่วยเลือกตั้งจังหวัดละหนึ่งหน่วย สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งประกอบด้วยผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 และ 40 รวมถึงนายจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม โดยลูกจ้าง 1 คน และนายจ้าง 1 คน สามารถลงคะแนนเสียงเลือกตัวแทนได้ฝ่ายละ 7 คน
ในการนี้ สำนักงานประกันสังคม กำหนดหลักเกณฑ์ตามคุณสมบัติให้นายจ้าง และผู้ประกันตน ที่มีสิทธิลงทะเบียนเลือกตั้ง ดังนี้
1.ผู้ประกันตน ต้องมีสัญชาติไทย ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 เดือนก่อนเดือนที่มีการประกาศให้มีเลือกตั้ง (เม.ย.2566) จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมไม่น้อยกว่า 3 เดือน (ภายใน 6 เดือนก่อนเดือนที่ประกาศเลือกตั้ง)
2.นายจ้าง มีสัญชาติไทย ขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก่อนเดือนที่มีประกาศให้มีเลือกตั้ง (เม.ย.2566) จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมไม่น้อยกว่า 3 เดือน (ภายใน 6 เดือนก่อนเดือนที่ประกาศเลือกตั้ง) กรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคลผู้จะใช้สิทธิต้องอยู่ในฐานะผู้มีอำนาจ/กรณีเป็นผู้มีอำนาจในนิติบุคคลมากกว่า 1 นิติบุคคลต้องเลือกใช้สิทธิได้เพียงแห่งเดียว
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะเปิดให้นายจ้างและผู้ประกันตนที่มีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง ทางเว็บไซต์ในวันที่ 12- 31ตุลาคม 2566 และเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ในวันที่ 25–31 ตุลาคม 2566