POLITICS

ชลน่าน – ภูมิธรรม ย้ำ สูตร 14+1 เป็นเพียงข้อเสนอ ไม่ได้ยื้อแย่งตำแหน่ง หากไม่ให้ก็ไม่รับ

‘ชลน่าน – ภูมิธรรม’ เผย ‘ก้าวไกล’ นัดหารือปมประธานสภาฯ 2 ก.ค. นี้ ย้ำ สูตร 14+1 เป็นเพียงข้อเสนอ ไม่ได้ยื้อแย่งตำแหน่ง หากไม่ให้ก็ไม่รับ ย้ำ ยังไม่เสนอชื่อแข่ง เพราะยังไม่ได้ข้อสรุป ลั่น ไม่ปล่อยมือ ‘ก้าวไกล’ เปรียบ เหมือนพ่อแม่คลุมถุงชน เชื่อ ต้องคุยจบก่อนเปิดสภา

วันนี้ (29 มิ.ย. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นเรื่องตำแหน่งประธานสภา

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการหารือเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน ระบุว่า มีการนัดหารือกันแล้วระหว่าง 2 พรรคคือก้าวไกลกับเพื่อไทยในวันที่ 2 ก.ค. 66 ช่วงเช้า พร้อมกับการประชุมหัวหน้าพรรค 8 พรรคร่วมในช่วงบ่าย สิ่งที่เรามีความชัดเจนคือการหารือร่วมกันภายใน พบปะพูดคุยกับคณะเจรจา และมั่นใจว่าจะคุยกันจนได้จ้อสรุปที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามถึงสูตรที่มีการเสนอขึ้นมาใหม่ คือ 15+1 และ 13+1 นายภูมิธรรม ระบุว่า ยังไม่เคยได้ยินสูตรนี้เลย ขอยืนยันในสูตร 14+1 เป็นจุดเริ่มต้นในการพูดคุยกัน เราเสนอไปแบบนั้น และยังไม่เคยได้รับคำตอบที่เป็นทางการชัดเจนกลับมา จึงต้องหารือกันก่อน

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า เราเข้าใจตัวเองดีว่าเราเป็นพรรคอันดับสอง และเราเคารพพรรคอันดับหนึ่งตลอดเวลา ข้อเสนอที่เราเสนอไป คือให้พรรคอันดับหนึ่งพิจารณา เราเคารพสิทธิตลอดเวลา เราร้องขอไปว่าท่านจะพิจารณาให้หรือไม่ ไม่ใช่การยื้อแย่งตำแหน่ง ไม่ใช่การบีบบังคับกัน ในวงเจรจาเรารู้ถึงสิทธิ์ของตัวเองดี แต่ตอนนี้เราขอประธานสภาฯ เพื่อดุลยภาพในการทำงาน ไม่ใช่การยื้อแย่ง และไม่ได้หักหลังประชาชน จะให้หรือไม่เราขอตำแหน่งเป็นทางการ ตามหลักการเท่านั้นเอง

นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า เราเสนอโดยการพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ โดยไม่รับคำตอบอย่างเป็นทางการ แต่คำตอบที่ได้ล้วนเป็นคำตอบจากความเห็นรายบุคคลหรือความเห็นส่วนบุคคล

นพ.ชลน่าน ระบุว่า การเจรจาที่เอาหลักพื้นฐานเดียวกันคือเอาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง จากทั้ง 25 ล้านเสียงที่เลือกทั้งสองพรรค เป็นหลักการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตย หากยึดสิ่งนี้ เป็นจุดเรื่มต้น จะมีข้อสรุปที่ดีแน่นอน สิทธิของพรรคอับดับหนึ่ง หากขอแล้วไม่ให้ เราก็ต้องมาพิจารณาต่อว่าจะเอาอย่างไร แต่ยืนยันว่าหลักการคือการเป็นรัฐบางของฝั่งประชาธิปไตย

ส่วนการที่พรรคก้าวไกลเปิดตัวนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ชิงตำแหน่งประธานสภาฯ จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสียเปรียบในการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานสภาฯ หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ถือว่าอยู่ในดุลพินิจของประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เสนอชื่อใคร เพราะเคารพในหลักกการการหารือร่วมกัน หากไม่ชัดเจนก็ไม่ควรเสนอชื่อให้เป็นประเด็นปัญหา และเกิดความไม่พอใจในผู้สนับสนุนของทั้งสองพรรค แต่ก็เป็นสิทธิของพรรคก้าวไกลในการเสนอชื่อ ซึ่งทางเพื่อไทยก็มีบุคคลที่มีความพร้อมในการเป็นประธานสภาฯ อยู่หลายท่าน

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเคาะรายชื่อ นพ.ชลน่าน ชิงตำแหน่งประธานสภาฯ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคทั้งสองพรรคควรได้ตำแหน่งในการทำงานเพื่อความสมดุลกัน เพื่อทำงานด้วยกันได้อย่างดี แต่ยังไม่ใช่ข้อสรุป ซึ่งท้ายที่สุดยังไม่สามารถบอกได้ ขึ้นอยู่ที่การเจรจา และคณะกรรมการบริการพรรคว่าจะเป็นใคร เพราะพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่เหมาะสมหลายคน ก็ต้องดูว่าใครเหมาะสมที่สุด

ส่วนกรณีการเลื่อนประชุมสภานั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนเองยังไม่ทราบ แต่ตามกำหนดการเดิมคือวันที่ 4-6 ก.ค. นี้ ซึ่งเราเอาเจตจำนงของประชาชนในการตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้

นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกรณีการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า ทางพรรคก้าวไกลจะเสนออะไรในฐานะพรรคอันดับหนึ่ง สามารถทำได้โดยชอบ แต่เราในฐานะพรรคอันดับสอง เราก็ร่วมแถลงสนันสนุนในการจัดตั้งรัฐบาล เราค่อนข้างระมัดระวังในการเสนออะไรลงไป การที่เราเสนอตำแหน่งประสภาฯ นั้น ไม่ใช่แค่ทัวร์ลง แต่ทุกอย่างมาลงที่เพื่อไทยหมดเลย การเสนอชื่อตำแหน่งประธานสภาฯ ของเพื่อไทยไป โดยการเสนอทั้งที่ยังไม่ได้รับคำตอบ หากเราเสนอชื่อใครออกไปประกบกับพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยจะถูกประณามมากกว่านี้ และถูกมองว่าเป็นการแข่งทันที

“เราขอ ไม่ได้แข่ง ซึ่งเป็นคนละความหมายกันเลยเราขอให้คุณอนุญาตให้เราหรือไม่ คุณจะให้เราหรือเปล่า และเป็นสิทธิ์ของพรรคอันดับหนึ่งในการตัดสินใจ เราจะได้กลับมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไร หากไม่ให้ และกลับคิดว่าจะทำงานแบบไหน” นพ.ชลน่าน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะพิจารณาทบทวนออกจากพรรคร่วมหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราถูกมัดด้วยอานัติของประชาชน แม้เราอยากออกไป แต่เราออกไปไม่ได้ เน้นนะครับ เราออกไปไม่ได้ แม้เป็นสิทธิของเราในการออกไปด้วย แต่ถูกพี่น้องประชาชน 25 ล้านเสียงมัดเรากับก้าวไกล ให้ติดกัน เปรียบเสมือนพ่อแม่เราจับเราที่เป็นลูกจับคลุมถุงชน ให้มาแต่งงานกัน เราไม่มีสิทธิปฏิเสธ เพราะฉะนั้น เสียงของประชาชน 25 ล้านคน สำคัญที่สุด เราคำนึงถึงจุดนี้เป็นหลักในการเจรจาพูดคุย และการนำเสนอทุกเรื่อง เมื่อก้าวไกลเขาไม่ให้ เราก็ต้องมาพิจารณาว่า เขาไม่ให้ เราก็ไม่ควรจะต้องรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่าการโหวตประธานสภาฯ ของพรรคร่วม ควรเสนอชื่อเพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เมื่อมีมติชัดเจนว่าออกมาอย่างไร มติต้องไปทางนั้น จะแหวกมติไม่ได้ ซึ่งต้องป้องกันไม่ให้เกิดการฟรีโหวตเกิดขึ้น

ส่วนการเลื่อนโหวตประธานสภาฯ นั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับไทม์ไลน์การคุยเรื่องประธานสภาฯ พร้อมมองว่ายิ่งเลื่อนช้า ยิ่งเสียประโยชน์ ทุกอย่างต้องจบภายในวันที่ 2 ก.ค. เพราะเราจะโหวตในวันที่ 4 ก.ค. แล้ว เราเป็นผู้เจรจา สิ่งที่เราต้องมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายต้องทำให้จบ

‘ชลน่าน – ภูมิธรรม’ เผย ‘ก้าวไกล’ นัดหารือปมประธานสภาฯ 2 ก.ค. นี้ ย้ำ สูตร 14+1 เป็นเพียงข้อเสนอ ไม่ได้ยื้อแย่งตำแหน่ง หากไม่ให้ก็ไม่รับ ย้ำ ยังไม่เสนอชื่อแข่ง เพราะยังไม่ได้ข้อสรุป ลั่น ไม่ปล่อยมือ ‘ก้าวไกล’ เปรียบ เหมือนพ่อแม่คลุมถุงชน เชื่อ ต้องคุยจบก่อนเปิดสภา

วันนี้ (29 มิ.ย. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นเรื่องตำแหน่งประธานสภา

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการหารือเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน ระบุว่า มีการนัดหารือกันแล้วระหว่าง 2 พรรคคือก้าวไกลกับเพื่อไทยในวันที่ 2 ก.ค. 66 ช่วงเช้า พร้อมกับการประชุมหัวหน้าพรรค 8 พรรคร่วมในช่วงบ่าย สิ่งที่เรามีความชัดเจนคือการหารือร่วมกันภายใน พบปะพูดคุยกับคณะเจรจา และมั่นใจว่าจะคุยกันจนได้จ้อสรุปที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามถึงสูตรที่มีการเสนอขึ้นมาใหม่ คือ 15+1 และ 13+1 นายภูมิธรรม ระบุว่า ยังไม่เคยได้ยินสูตรนี้เลย ขอยืนยันในสูตร 14+1 เป็นจุดเริ่มต้นในการพูดคุยกัน เราเสนอไปแบบนั้น และยังไม่เคยได้รับคำตอบที่เป็นทางการชัดเจนกลับมา จึงต้องหารือกันก่อน

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า เราเข้าใจตัวเองดีว่าเราเป็นพรรคอันดับสอง และเราเคารพพรรคอันดับหนึ่งตลอดเวลา ข้อเสนอที่เราเสนอไป คือให้พรรคอันดับหนึ่งพิจารณา เราเคารพสิทธิตลอดเวลา เราร้องขอไปว่าท่านจะพิจารณาให้หรือไม่ ไม่ใช่การยื้อแย่งตำแหน่ง ไม่ใช่การบีบบังคับกัน ในวงเจรจาเรารู้ถึงสิทธิ์ของตัวเองดี แต่ตอนนี้เราขอประธานสภาฯ เพื่อดุลยภาพในการทำงาน ไม่ใช่การยื้อแย่ง และไม่ได้หักหลังประชาชน จะให้หรือไม่เราขอตำแหน่งเป็นทางการ ตามหลักการเท่านั้นเอง

นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า เราเสนอโดยการพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ โดยไม่รับคำตอบอย่างเป็นทางการ แต่คำตอบที่ได้ล้วนเป็นคำตอบจากความเห็นรายบุคคลหรือความเห็นส่วนบุคคล

นพ.ชลน่าน ระบุว่า การเจรจาที่เอาหลักพื้นฐานเดียวกันคือเอาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง จากทั้ง 25 ล้านเสียงที่เลือกทั้งสองพรรค เป็นหลักการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตย หากยึดสิ่งนี้ เป็นจุดเรื่มต้น จะมีข้อสรุปที่ดีแน่นอน สิทธิของพรรคอับดับหนึ่ง หากขอแล้วไม่ให้ เราก็ต้องมาพิจารณาต่อว่าจะเอาอย่างไร แต่ยืนยันว่าหลักการคือการเป็นรัฐบางของฝั่งประชาธิปไตย

ส่วนการที่พรรคก้าวไกลเปิดตัวนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ชิงตำแหน่งประธานสภาฯ จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสียเปรียบในการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานสภาฯ หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ถือว่าอยู่ในดุลพินิจของประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เสนอชื่อใคร เพราะเคารพในหลักกการการหารือร่วมกัน หากไม่ชัดเจนก็ไม่ควรเสนอชื่อให้เป็นประเด็นปัญหา และเกิดความไม่พอใจในผู้สนับสนุนของทั้งสองพรรค แต่ก็เป็นสิทธิของพรรคก้าวไกลในการเสนอชื่อ ซึ่งทางเพื่อไทยก็มีบุคคลที่มีความพร้อมในการเป็นประธานสภาฯ อยู่หลายท่าน

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเคาะรายชื่อ นพ.ชลน่าน ชิงตำแหน่งประธานสภาฯ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคทั้งสองพรรคควรได้ตำแหน่งในการทำงานเพื่อความสมดุลกัน เพื่อทำงานด้วยกันได้อย่างดี แต่ยังไม่ใช่ข้อสรุป ซึ่งท้ายที่สุดยังไม่สามารถบอกได้ ขึ้นอยู่ที่การเจรจา และคณะกรรมการบริการพรรคว่าจะเป็นใคร เพราะพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่เหมาะสมหลายคน ก็ต้องดูว่าใครเหมาะสมที่สุด

ส่วนกรณีการเลื่อนประชุมสภานั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนเองยังไม่ทราบ แต่ตามกำหนดการเดิมคือวันที่ 4-6 ก.ค. นี้ ซึ่งเราเอาเจตจำนงของประชาชนในการตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้

นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกรณีการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า ทางพรรคก้าวไกลจะเสนออะไรในฐานะพรรคอันดับหนึ่ง สามารถทำได้โดยชอบ แต่เราในฐานะพรรคอันดับสอง เราก็ร่วมแถลงสนันสนุนในการจัดตั้งรัฐบาล เราค่อนข้างระมัดระวังในการเสนออะไรลงไป การที่เราเสนอตำแหน่งประสภาฯ นั้น ไม่ใช่แค่ทัวร์ลง แต่ทุกอย่างมาลงที่เพื่อไทยหมดเลย การเสนอชื่อตำแหน่งประธานสภาฯ ของเพื่อไทยไป โดยการเสนอทั้งที่ยังไม่ได้รับคำตอบ หากเราเสนอชื่อใครออกไปประกบกับพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยจะถูกประณามมากกว่านี้ และถูกมองว่าเป็นการแข่งทันที

“เราขอ ไม่ได้แข่ง ซึ่งเป็นคนละความหมายกันเลยเราขอให้คุณอนุญาตให้เราหรือไม่ คุณจะให้เราหรือเปล่า และเป็นสิทธิ์ของพรรคอันดับหนึ่งในการตัดสินใจ เราจะได้กลับมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไร หากไม่ให้ และกลับคิดว่าจะทำงานแบบไหน” นพ.ชลน่าน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะพิจารณาทบทวนออกจากพรรคร่วมหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราถูกมัดด้วยอานัติของประชาชน แม้เราอยากออกไป แต่เราออกไปไม่ได้ เน้นนะครับ เราออกไปไม่ได้ แม้เป็นสิทธิของเราในการออกไปด้วย แต่ถูกพี่น้องประชาชน 25 ล้านเสียงมัดเรากับก้าวไกล ให้ติดกัน เปรียบเสมือนพ่อแม่เราจับเราที่เป็นลูกจับคลุมถุงชน ให้มาแต่งงานกัน เราไม่มีสิทธิปฏิเสธ เพราะฉะนั้น เสียงของประชาชน 25 ล้านคน สำคัญที่สุด เราคำนึงถึงจุดนี้เป็นหลักในการเจรจาพูดคุย และการนำเสนอทุกเรื่อง เมื่อก้าวไกลเขาไม่ให้ เราก็ต้องมาพิจารณาว่า เขาไม่ให้ เราก็ไม่ควรจะต้องรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่าการโหวตประธานสภาฯ ของพรรคร่วม ควรเสนอชื่อเพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เมื่อมีมติชัดเจนว่าออกมาอย่างไร มติต้องไปทางนั้น จะแหวกมติไม่ได้ ซึ่งต้องป้องกันไม่ให้เกิดการฟรีโหวตเกิดขึ้น

ส่วนการเลื่อนโหวตประธานสภาฯ นั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับไทม์ไลน์การคุยเรื่องประธานสภาฯ พร้อมมองว่ายิ่งเลื่อนช้า ยิ่งเสียประโยชน์ ทุกอย่างต้องจบภายในวันที่ 2 ก.ค. เพราะเราจะโหวตในวันที่ 4 ก.ค. แล้ว เราเป็นผู้เจรจา สิ่งที่เราต้องมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายต้องทำให้จบ

Related Posts

Send this to a friend