POLITICS

นายกฯ มั่นใจ ปรับ ครม. ไม่ผิดฝาผิดตัว เผย เตรียมงานรองรับคนที่หลุดจากโผ ครม.

พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ย้ำ ไม่ขัดแย้งใคร มั่นใจ เสริม เผ่าภูมิ เหมาะสมช่วยงานเศรษฐกิจ เชื่อแบ่งงานลงตัว

วันนี้ (29 เม.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ว่า มั่นใจว่าการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จะไม่ผิดฝาผิดตัว แต่ในมุมมองแต่ละคนก็มีความเข้าใจในการทำงานที่แตกต่างกันไป ซึ่งตนเองมั่นใจว่าบุคคลที่ดึงเข้ามาทำงาน เป็นคนที่มีความสามารถ และมีความรู้ความเชี่ยวชาญตรงตามกระทรวงทุกอย่าง

ส่วนมีการเตรียมงานรองรับคนอื่นที่หลุดออกจากคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีการเตรียมไว้ แต่ต้องคุยกันภายในพรรค ตนเองไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งแต่เข้าใจได้ว่ามีคนผิดหวัง และสมหวัง ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนเองในการบริหารเรื่องความคาดหวัง และหน้าที่ใหม่ ๆ ควบคู่กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยได้พูดคุยกันตลอดถึงแรงกระเพื่อมที่อาจเกิดขึ้น ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ตนเองรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย

ส่วน นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นผู้นำในการเดินหน้าตั้งแต่การเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาล แต่ถูกปรับออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ใช่แค่นายแพทย์ชลน่านคนเดียว แต่รวมไปถึงนายไชยา พรหมา, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ก็เป็นบุคคลที่ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในช่วงการเลือกตั้ง ตนเองเคยพูดว่านายแพทย์ชลน่านเป็นคนช่วยติวเวลาลงพื้นที่ หรือปราศรัยต่าง ๆ เราต่อสู้ด้วยกันมา ย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว หรือการขัดแย้งอะไร แต่เข้าใจว่าท่านคงมีความผิดหวัง และคงต้องพูดคุยกัน หวังว่าทุกอย่างจะเดินไปข้างหน้าได้

ส่วนจะมีการพูดอะไรครั้งแรกกับคณะรัฐมนตรีที่มีการปรับหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มี 2 ขั้นตอน จะคุยเป็นการส่วนตัวก่อนว่าแต่ละท่าน มีความคาดหวังอย่างไร และคนที่เคยทำงานด้วยกันมาแล้ว จะมีจุดแข็งคืออะไร และจุดที่ต้องปรับปรุงคืออะไร และในทางเดียวกัน ตนเองจะถามถึงความบกพร่องของตนเอง เพื่อนำไปพิจารณา แก้ไขปรับปรุง ในการสื่อสาร เป็นเรื่องของสองทาง ถือเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าในแง่การพูดคุยเจรจากับรัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่ ส่วนในองค์รวมที่จะพูดคุยกันในวันประชุมคณะรัฐมนตรีนั้น ก็จะพูดถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก รวมถึงเรื่องการประสานงานระหว่างกระทรวงด้วย เพราะทุกวันนี้การทำงานไม่ใช่ว่าทำงานได้ด้วยกระทรวงเดียว แต่ต้องทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันข้อกฎหมาย บริหารราชการแผ่นดิน และผลักดันนโยบายหลักของรัฐบาล

เมื่อถามย้ำว่าจุดแข็ง และจุดอ่อนของรัฐบาลคืออะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราไปคุยกันในที่เหมาะสมดีกว่า เป๋นเรื่องที่เราเคารพในสิทธิส่วนบุคคลดีกว่า เป็นเรื่องของการบริการ ซึ่งตนเองน้อมรับในเรื่องที่บกพร่อง หรือทำไม่ดี เพื่อนำไปปฏิบัติอยู่แล้ว

ส่วนสาเหตุที่จำเป็นต้องมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกมี 3 คน และให้นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองเข้าใจว่าเมื่อนายปานปรีย์ ดูแลกระทรวงการต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว ก็จะได้โฟกัสมากยิ่งขึ้น บทบาทของรัฐมนตรีช่วยก็อาจน้อยลง จึงเอานายจักรพงษ์มาดูงบประมาณ เพราะเคยเป็นเลขานุการรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็มีความชำนาญด้านนี้อยู่แล้ว และเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญเพราะงบประมาณ ปี 67 เหลือเวลาเพียง 5 เดือนเท่านั้นในการใช้งบ การใช้งบประมาณกว่า 3 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 เดือน จึงมีความท้าทายที่จะต้องเร่งจัดการให้ได้โดยเร็ว จึงต้องการคนมีประสบการณ์มาดูเรื่องนี้ รวมถึงบ่ายวันนี้ได้เชิญนายพิชัย ชุณหวชิร ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมบัญชีกลาง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระจายงบประมาณ เพื่อพูดคุยเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ยืนยันว่าต้องมีการพูดคุยกัน จะพยายามทำให้ดีที่สุด หวังว่าทุกอย่างจะไม่มีปัญหา

ส่วนจะมีแรงกระเพื่อมมากกว่านี้หรือไม่ เพราะอาจมีความไม่พอใจในการสลับตำแหน่งรัฐมนตรี นายเศรษฐา ระบุว่า บอกได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องของใครกับใคร จะได้ตอบอย่างตรงไปตรงมา ตนเองเชื่อว่าความไม่พอใจมีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว คนที่พอใจคงไม่พูด ก็ต้องเคารพกับตำแหน่งที่เข้ามาทดแทนส่วนคนที่ไม่พอใจเป็นหน้าที่ของตนเองในการอธิบาย และหาตำแหน่งใหม่ ๆ หรือหางานมารองรับให้เหมาะสม เราเป็นทีมไทยแลนด์เป็นทีมงานที่มาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน

ส่วนภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงานใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ใช่ ตนเองพูดมาตลอด เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านก็เข้าใจอยู่แล้วถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนดังนั้นเรื่องการใช้ตัวชี้วัดในระยะเวลาที่ต้องทำงานให้สำเร็จเรื่องการทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดโยงกับพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ส่วนการเพิ่มนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นการเสริมกำลังพลในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่จะพูดคุยในสุดสัปดาห์ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า กระทรวงการคลังมีภารกิจเยอะมาก นายพิชัย ควบ ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย ดังนั้น จึงมีภารกิจที่ต้องดูแลหลายอย่าง และต้องดูแลหน่วยงานรัฐอีกหลายหน่วยงาน เชื่อว่าทั้ง 3 คนมีการทำงานอย่างร่วมมือกันกันอยู่แล้ว และนายเผ่าภูมิ ก็เคยอยู่กระทรวงการคลังมาก่อน ถือเป็นกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทยเรื่องทีมเศรษฐกิจ เชื่อว่าท่านเป็นคนที่มีบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตน การแบ่งงานจึงไม่น่ามีปัญหา และตนเองให้เกียรติทุกท่านอยู่แล้ว

Related Posts

Send this to a friend