สว.อังคณา มองไม่ควรปิดบังอาการป่วยของ ‘ทักษิณ’ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ
สว.อังคณา มองไม่ควรปิดบังอาการป่วยของ ‘ทักษิณ’ – หยุดอ้างสิทธิส่วนบุคคล ต้องเสียสละ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ หลัง คปท.ขอหลักฐานรักษาตัวเพิ่ม แต่กลับได้หนังสือระบุว่า “ลับ”
วันนี้ (29 ม.ค. 68) นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ขอหลักฐานการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลตำรวจได้ส่งหนังสือกลับ โดยปะหน้าเอกสารว่า ”ลับ ต้องระมัดระวังระเบียบการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ“ มองเรื่องนี้อย่างไร ว่า เรื่องของนายทักษิณนั้นไม่ควรเป็นเรื่อง เพราะในความเห็นส่วนตัว มองว่านายทักษิณเป็นผู้ใหญ่ และการเจ็บป่วยของบุคคลสาธารณะไม่ควรต้องปิดบังหากไม่ได้เป็นโรคติดต่อ หรือโรคที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ตนได้พูดมาโดยตลอด อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ ก็พูดว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ สิทธิส่วนบุคคลต้องมาชั่งน้ำหนักกับประโยชน์สาธารณะ ซึ่งบุคคลที่เป็นบุคคลสาธารณะ อาจต้องยอมละ สิทธิส่วนบุคคลบางประการ เพื่อที่จะให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งสาธารณะก็มีสิทธิ์ที่จะรับรู้ เพราะเดี๋ยวนี้ต่อให้เป็นโรคร้ายแรง เช่นโรคมะเร็ง ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องน่าปิดบัง ซึ่งนายทักษิณก็เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นบุคคลสาธารณะก็น่าจะมีความเสียสละ ในเรื่องสิทธิส่วนบุคคล บางประการเพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้เกิดความกังขาและให้เกิดความโปร่งใสต่อสังคมด้วย
ส่วนหลังจากนี้คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง จะมีการเคลื่อนไหวในเรื่องเหล่านี้หรือไม่ กรรมาธิการของ สส. กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ โดยส่วนตัวมองว่า หากจะให้ตรวจสอบก็จะเสียเวลามาก แต่อยากจะบอกกับนายทักษิณว่า ในเมื่อสังคมพูดถึงเรื่องนี้มาตลอด นายทักษิณก็ควรที่จะออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ก็จะเป็นประโยชน์และเป็นความสง่างามด้วยซ้ำ สิ่งที่คนสงสัยก็คือ พอเข้าเรือนจำ นายทักษิณไม่ต้องนอนเรือนจำแม้แต่คืนเดียว คนอื่นยังต้องมีการตรวจสอบ แต่นายทักษิณได้รับการตรวจที่ไม่เหมือนกับคนอื่น ก็จะถือเป็นการเลือกปฏิบัติได้ ที่สำคัญระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล ไม่มีใครรู้ แต่พอครบกำหนดการพักโทษ เมื่อออกมานายทักษิณก็เหมือนคนธรรมดา ดูไม่เหมือนคนเคยเจ็บป่วยร้ายแรง ซึ่งเป็นธรรมดาที่สังคมจะต้องสงสัย และเรื่องของประโยชน์สาธารณะ เป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งกรมการแพทย์และโรงพยาบาลตำรวจก็ควรที่จะเปิดเผย และหยุดอ้างเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัว เพราะ สิทธิความเป็นส่วนตัวเมื่อเทียบกับการปกป้องประโยชน์สาธารณะ ประโยชน์สาธารณะต้องมาก่อน เพราะประโยชน์สาธารณะเกี่ยวข้องกับความไม่เลือกปฏิบัติ












