‘วีระยุทธ’ แนะรัฐบาล เปิดวงรับฟังผู้ได้รับผลกระทบ ‘ภาษีทรัมป์’
‘วีระยุทธ’ แนะรัฐบาล เปิดวงรับฟังผู้ได้รับผลกระทบ ‘ภาษีทรัมป์’ ก่อนปิดดีลยกสามใน 8 สัปดาห์ ชี้ กรณี ‘แรร์เอิร์ธ’ เพิ่งเริ่มยกแรก ย้ำ ยุทธศาสตร์ต้องชัด สื่อสารให้สังคมเข้าใจ
วันนี้ (28 ต.ค. 68) ที่อาคารอนาคตใหม่ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีการลงนามข้อตกลงร่วมไทย-สหรัฐอเมริกาว่า ข้อตกลงร่วมเรื่องภาษีทรัมป์ รอบแรกประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยเป็น 36% รอบที่สองประกาศลดเหลือ 19% แต่สังคมไทยยังไม่รู้ว่าเอาอะไรไปแลกบ้าง ซึ่งพรรคประชาชนอยากให้รัฐบาลเชิญชวนคนที่เกี่ยวข้องเข้าไปพูดคุยกับทีมไทยแลนด์ให้มากขึ้น เพราะรอบที่สองมีแต่ผู้แทนระดับแกนนำของแต่ละภาคธุรกิจเข้าไปคุย
ในรอบสามประเทศไทยเห็นแล้วว่าประเทศคู่แข่งต่อรองกับสหรัฐอเมริกาอย่างไร ควรเปรียบเทียบว่าสิ่งที่ประเทศไทยเอาไปแลกกับสหรัฐอเมริกาเยอะเกินไปหรือไม่ เช่น เครื่องบินที่สหรัฐอเมริกาบังคับให้ทุกประเทศซื้อหมด แต่ประเทศไทยซื้อเยอะที่สุด 80 ลำ รวมมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการต่อรองอัตราภาษีจาก 36% ให้เหลือ 19% ขณะที่เวียดนามต่อรองจาก 46% ลงมาเหลือ 20% แต่ซื้อเครื่องบินแค่ 50 ลำ มาเลเซียเสนอซื้อเพียง 30 ลำ
ส่วนเรื่องของแร่หายาก (แรร์เอิร์ธ) ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการต่อรองในรอบแรก เป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพราะ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินทางมาพร้อมกับยุทธศาสตร์ใหญ่ที่อยากมีส่วนร่วมในเรื่องแร่หายากกับประเทศเอเชีย ประเทศไทยต้องเตรียมตัวและสำรวจ หากมีการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในอนาคต สิ่งที่จะปันผลประโยชน์ต้องชัดเจน เมื่อยังเป็นรอบที่หนึ่งต้องเริ่มคุย หากปล่อยไปอาจถูกเอาเปรียบได้
วีระยุทธ กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากังวล ขณะนี้ทรัมป์ยึด ‘ภาษีดิจิทัล’ เป็นหลักในการเจรจากับประเทศในเอเชีย ซึ่งบริการและผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเป็นแหล่งรายได้สำคัญ และเป็นสิ่งที่ประเทศไทยมีการสูญเสียออกนอกประเทศอยู่มาก บริการต่าง ๆ ที่ประเทศไทยใช้อยู่ในปัจจุบันมาจากสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก มีการเขียนไว้ในข้อตกลงร่วมว่าขอให้ไทยละเว้นการเก็บภาษีในส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม เวียดนามระบุไว้กว้าง ๆ เพียงว่าจะไปเจรจาและหาข้อสรุปต่อ ต่างจากไทยที่ผูกมัดไว้แล้วว่าจะไม่เก็บ ทั้งที่ควรพูดคุยกันภายในก่อนว่าคุ้มหรือไม่กับสิ่งที่ประเทศไทยจะเสียไป แล้วจะทำอย่างไรกับบริการดิจิทัลจากประเทศอื่น
อีกกรณีคือข้อตกลงร่วมที่ไทยลงนามกับสหรัฐอเมริกา มีการระบุไว้ชัดเจนว่า ขอให้กรมศุลกากรยกเลิก ‘ระบบการให้เงินสินบนและรางวัลนำจับ’ ซึ่งไทยใช้มายาวนาน ยังไม่เคยมีการหารือกันภายในประเทศมาก่อน อยากให้กระทรวงการคลังศึกษาให้ชัดว่าจะไปทางนี้จริงหรือ มีผลได้ผลเสียอย่างไร
“เมื่อเป็นยกที่สามแล้ว เรารู้แล้วว่าผู้ได้ผู้เสียมีใครเกี่ยวข้องบ้าง เกษตรกร กรมศุลกากร ฝ่ายที่ต้องซื้อเครื่องบิน หรือผู้บริโภคต่าง ๆ ที่ใช้บริการดิจิทัลของสหรัฐอเมริกา ตรงนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้เวทีนี้ อย่างที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุไว้ว่า จะจัดการให้เสร็จภายในปลายปี 2568 จึงเหลือเวลาอีกราวสองเดือนเท่านั้นที่ประเทศไทยจะมาจัดการกันภายใน อยากให้รัฐบาลเปิดเวทีรับฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 8 สัปดาห์ 8 วาระ” รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว
วีระยุทธ กล่าวเสริมกรณีแร่แรร์เอิร์ธว่า เรื่องนี้อยู่ในยกที่หนึ่ง แต่รัฐบาลควรสื่อสารกับสังคมให้ชัดเจน จะวางกรอบการปันผลประโยชน์ในอนาคตอย่างไร เรื่องใหญ่ที่สุดคือภูมิรัฐศาสตร์ การลงนาม MOU กับสหรัฐอเมริกา เมื่อเกิดขึ้นแล้วจีนจะถามว่าจะเอาอย่างไร หากประเทศไทยเริ่มยอมมหาอำนาจประเทศหนึ่ง อาจต้องยอมให้กับมหาอำนาจประเทศอื่นต่อ และอาจจะต้องยอมให้เขามากกว่า
นอกจากนี้ หากเรามีการผลิตแรร์เอิร์ธเพิ่มขึ้น จะมีการควบคุมได้จริงหรือไม่ เช่นเดียวกับการแบ่งปันผลประโยชน์ หากไทยมีสินแร่ และมีความสามารถในการผลิต สุดท้ายจะปันผลประโยชน์อย่างไรให้เป็นธรรม เมื่อประเทศมหาอำนาจมียุทธศาสตร์แรร์เอิร์ธแล้ว เราต้องมียุทธศาสตร์เช่นกันว่าจะอยู่จุดไหนในซัพพลายเชน












