ดีอีเอส-กสทช. เรียกค่ายมือถือ ถกปัญหา SMS
ดีอีเอส-กสทช. เรียกค่ายมือถือ ถกปัญหา SMS ผิดกฎหมาย เจอบล็อกแน่ จับมือตำรวจไซเบอร์ เร่งตามตัวคนร้าย ภายใน 5 วันหลังพบเบาะแส
วันนี้ (28 ต.ค. 64) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส มอบหมายให้นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าประชุมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายให้กวดขันการส่ง SMS
นายทศพล เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับให้หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนทำงานเชิงรุกสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสาร รวมทั้งดูแลบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้น
ปัจจุบันการทำธุรกรรมผ่านอิเล็กทรอนิกส์สะดวก รวดเร็ว และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นโอกาสให้มิจฉาชีพใช้ช่องทางเข้าถึงเหยื่อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการส่งข้อความหลอกลวง หรือลิงค์หลอกดูดข้อมูลส่วนตัวผ่าน SMS จึงอยากให้ประชาชนรอบคอบ ไม่กดอ่านข้อความหรือคลิกลิงค์แปลก เพิ่มความระมัดระวังการทำธุรกรรมออนไลน์ และหมั่นตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ที่ผ่านมาดีอีเอสได้ประสาน กสทช. และผู้ให้บริการมือถือทุกค่ายคอยตรวจสอบผู้ที่มาใช้บริการ SMS ถึงประชาชนว่าธุรกิจมีความถูกต้อง ถูกกฎหมาย มีความเหมาะสมหรือไม่ หากพบว่าเป็นการส่ง SMS ที่ไม่เหมาะสม หรือผิดกฎหมายสามารถบล็อกหรือปิดกั้นทันที
“ส่วนผู้ประกอบการ และ กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลผู้ให้บริการมือถือ ถ้าปล่อยปละละเลยถือว่าเป็นความผิด จะอ้างว่า ลูกค้ามาใช้บริการแล้วไม่รับผิดชอบเลยไม่ได้ เพราะขั้นตอนการส่งข้อความดำเนินการผ่านระบบของผู้ให้บริการทุกขั้นตอน ถ้าเอาผิดตามกฎหมายก็ผิดกันหมด”
ขณะที่ประชาชน หากพบ SMS ที่ไม่เหมาะสมให้รีบแจ้งมายัง กสทช. หรือกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและปิดกั้นให้เร็วที่สุด โดยกระทรวงฯ ก็มีระบบ social listening คอยเฝ้าระวังเช่นกัน
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า เบื้องต้นได้วางกฎเกณฑ์เรื่อง ผู้ส่ง SMS (Sender Name) กับผู้ให้บริการเครือข่าย ได้แก่ 1.ผู้ให้บริการเนื้อหาต้องมีระบบยืนยันตัวตนของลูกค้าที่มาซื้อ SMS ที่ชัดเจน และตรวจสอบได้ 2.ข้อความใน SMS และชื่อผู้ส่ง ต้องไม่ให้ลูกค้ากำหนดโดยอิสระแต่ต้องแจ้งผ่านผู้ให้บริการทราบก่อน 3.การกำหนดผู้ส่งต้องไม่มีลักษณะเป็นเลขหมายโทรศัพท์ 4.หากชื่อผู้ส่งตรง หรือคล้ายกับ ชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือเครื่องหมายการค้าทางผู้ให้บริการสามารถขอเอกสารจากลูกค้าในการรับรอง หรือการได้รับความยินยอมให้ใช้ชื่อจากเจ้าของชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือเครื่องหมายทางการค้านั้นๆ ได้ 5.ข้อความไม่ควรมี link เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่อการกระทำผิด
ทั้งนี้ยังร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ภายใน 3-5 วัน หลังพบเบาแสะ ส่วนกระทรวงดิจิทัลฯ จะใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560
ส่วนที่มีรายงานว่าพบการส่งข้อความ SMS ผิดกฎหมายอยู่หลังจากที่ กสทช.ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการเครือข่ายบล็อก SMS ที่เกี่ยวข้องกับเว็บลามก การพนัน และสินเชื่อเงินกู้ ตั้งแต่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ส่งซื้อสิทธิในการส่งข้อความนอกเครือข่ายมือถือ ไม่ได้ส่งผ่านเครือข่ายโดยตรง ทำให้ตรวจสอบที่มาของ SMS ไม่ได้
