‘ภูมิธรรม’ เผย ทราบข้อมูลเด็กกัมพูชาแล้ว ยัน หาทางออกให้ดีที่สุด
‘ภูมิธรรม’ เผย รับทราบข้อมูลเด็กกัมพูชาแล้ว ยืนยัน หาทางออกให้ดีที่สุด แต่ขอเวลานิดนึง บอก ขอพิจารณาเป็นรายกรณี ชี้ ทำทุกอย่างตามกฎหมาย
วันนี้ (28 ส.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นักเรียนกัมพูชา อายุ 13 ปี ถูกตำรวจจับกุมข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว ว่า ตนเองทราบเรื่องนี้เมื่อเช้า ก็เป็นเรื่องความสะเทือนใจของครูอยู่ในโรงเรียนทั้งหมด เพราะเห็นเด็กตั้งเแต่เล็ก ๆ ซึ่งตนเองเข้าใจว่าเป็นลูกครึ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นพ่อหรือแม่ที่เป็นคนไทย ซึ่งเด็กดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างปัญหาภายในประเทศ ส่วนความผิดก็คงจะเป็นเรื่องการลักลอบเข้าประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะถึงขนาดคุณครูได้ระบายลงในโซเชียล สะท้อนถึงความสะเทือนใจ และเมื่อเช้าตนเองได้สั่งการให้นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประสานงานไปที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทุกฝ่ายได้รับทราบข้อมูลแล้ว ยืนยัน ว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกิดความสะเทือนใจเช่นนี้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นจะโดนร้องเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่เมื่อทราบเหตุการณ์แล้ว ตนเองว่าก็ต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป โดยกรณีของเด็กดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนี หรือมีเจตนาที่ทำให้สังคมไทยเกิดความไม่มั่นคง เพราะมีตัวตน
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตอนนี้ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทุกภาคส่วนกำลังคิด และหาทางออกอยู่ คิดว่าเรื่องนี้จะหาทางออกได้ดีที่สุด แต่ขอเวลานิดนึง เนื่องจากไม่ใช่ปัญหาเรื่องอาชญากรรม และเด็กยังเรียนหนังสืออยู่ แต่ตามกฎหมาย แม่ต้องถูกผลักดันออกจากประเทศ ส่วนเด็กยังสามารถคุ้มครองได้อยู่เนื่องจากมีอายุไม่ถึง 15 ปี แต่การที่จะให้เด็กอายุ 15 ปีคนหนึ่งที่ไม่มีญาติพี่น้องอยู่เลย ให้อยู่ในประเทศไทย ในฐานะที่ยังปกป้องได้ในทางกฎหมาย ซึ่งคิดว่าจะเป็นการจัดการด้านมนุษยธรรมที่ยากเกินไป แต่ขอไม่ต้องกังวลใจ รัฐบาลรับรู้และรับทราบแล้ว และทุกฝ่ายยังปฏิบัติอย่างดี ซึ่งจะหาช่องทางกฎหมายในการดำเนินการต่อ ยืนยันจะแก้ปัญหานี้ให้ดีที่สุด
ส่วนขณะนี้ยังไปโรงเรียนได้ตามปกติ หรือถูกควบคุมตัวอยู่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เพิ่งควบคุมตัวเมื่อเช้า ได้มีการผ่อนคลาย เพื่อให้เด็กคลายกังวล ส่วนจะให้ไปเรียนต่อหรือไม่ต้องอิงอยู่บนฐานที่เราหาช่องทางทางกฎหมายเพื่อให้ปฏิบัติได้
เมื่อถามว่ามีโอกาสได้สัญชาติไทยหรือไม่ เพราะอยู่ไทยมาตั้งแต่เด็ก นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวคงต้องหาช่องทาง และต้องมีกฎหมายรองรับ เพราะไม่ใช่แค่เด็กคนเดียว ต้องคำนึงถึงแม่เด็กด้วย เหมือนกับที่ไทยจับชาวอุยกูร์มาที่รัฐบาลต้องหาทางคลี่คลาย เพราะไทยไม่มีสิทธิทำอะไรนอกจากผลักดัน ซึ่งเด็กยังไม่รู้เรื่องอะไร ก็ต้องว่าไปตามกฎหมายให้ถูกต้อง และก็ต้องดูหลักมนุษยธรรมให้สอดรับกับความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ขอพิจารณาเป็นรายกรณีแล้วกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ จะให้เด็กกลับประเทศ เพื่อไปทำเอกสารให้ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะใช้โอกาสนี้ดูเรื่องกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ให้เรียบร้อยด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนตอบไปชัดเจนแล้วว่า ในชั้นต้นขณะนี้มีการควบคุมตัวตามกฎหมาย และกำลังหาช่องทางอยู่ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้วตามกฏหมาย แต่ว่าจะควบคุมแบบไหน ให้ไปโรงเรียน หรืออยู่บ้านเหมือนเดิมก็แล้วแต่ ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว ยังไม่สามารถตอบอะไรที่เกินเลยไปกว่านี้ได้ ต้องอยู่ที่รายละเอียดของความเป็นจริง แต่ยืนยันรัฐบาลคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรม จะพยามจัดการให้ได้อย่างเต็มที่












