‘ก่อแก้ว‘ ชี้ ผู้บริหาร ปชป.ชุดนี้ ไม่เกี่ยวเรื่องปี 53 เตือน ’ชวน-บัญญัติ-จุรินทร์‘ อย่าเป็นไม้แก่ดัดยาก
วันนี้ (28 ส.ค.67) นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังพรรคเพื่อไทยส่งหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นองค์กรที่บริหารโดยผู้บริหารแต่ละสมัย ผู้บริหารยุคปัจจุบัน ได้แก่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และคณะไม่ได้เป็นกลุ่มคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุการณ์ช่วงปี 2553 ทีมที่มีปัญหาออกคำสั่งและใช้กำลังสลายการชุมนุมด้วยความโหดเหี้ยมวันนี้สลายกันไปหมด แยกย้ายกันไปหลายที่
พรรคประชาธิปัตย์ปัจจุบันเปิดให้คนกลุ่มใหม่เข้ามาทำหน้าที่บริหาร เท่าที่สัมผัสทั้งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคก็มีมุมมองต่อการเมืองที่ดี ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองโดยไม่ฝักใฝ่ทหารหรืออำนาจนอกระบบ มีความตั้งใจที่จะจับมือกับพรรคการเมืองต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนผลงาน ส่วนตัวไม่ได้ติดใจกับพรรคประชาธิปัตย์ เพียงแต่ถ้าเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 2553 แล้วเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็คงไม่เห็นด้วย
นายก่อแก้ว ย้ำว่า กลุ่มนี้ไม่มีปัญหา เพราะเป็นกลุ่มที่เข้ามาบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้กลุ่มเดิมหายไป ถือเป็นการดีทำให้สถาบันการเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้การเมืองของประเทศไทยเข้าสู่ระบบที่ไม่เหมือนก่อน ที่เมื่อแพ้การเลือกตั้งแล้วเอาคนออกมาประท้วงขับไล่รัฐบาล เท่าที่คุยกับหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีแนวคิดเรื่องนี้ มีแต่ความตั้งใจทำการเมืองในระบบรัฐสภา
นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่าอยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์ในทิศทางที่ดีขึ้น การได้ผู้บริหารชุดนี้มาร่วมงานถือเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ส่วนบุคคลที่เป็นผู้บริหารเก่าที่เคยนำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำวันนี้ได้รับผลกรรมแล้ว แม้แต่สมาชิกเองก็ไม่ได้รับการยอมรับ โหวตเตอร์ก็หันไปเลือกพรรคอื่น คาดหวังว่าการมาของพรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้นช่วยลดความขัดแย้ง ทำงานสร้างสรรค์
ส่วนกลุ่มเก่าพรรคประชาธิปัตย์อย่างนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นไม้แก่ที่ดัดยาก ดัดอย่างไรก็ไม่ได้ ห่วงว่า 3 ท่านนี้ออกมาขับเคลื่อนประเด็นที่ขัดแย้งกับผู้บริหารชุดปัจจุบัน อาจมีปัญหาถูกขับไล่ออกจากพรรคได้ ต้องอยู่ในจุดที่มีมารยาท เพราะวันนี้ร่วมรัฐบาลเดียวกันแล้ว ทุกพรรคต้องเข้าใจกติกาการอยู่ร่วมกัน มารยาทจะต้องมี เพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลทำงานอย่างสมานฉันท์ หากขัดแข้งขัดขากันเอง คงไม่เหมาะที่จะมาเป็นรัฐบาลร่วมกัน
ทั้งนี้การดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล โดยรวม สส.เพื่อไทยโอเค เพราะ สส.พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นโจทย์ที่ลงตัว ขณะที่ความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งแต่ ครม.นายเศรษฐา ทวีสิน พรรคร่วมรัฐบาลมีการปรับตัวเข้าหากันแทบทุกเรื่อง บางเรื่องอาจจะเห็นต่างกันบ้าง แต่พยายามหาทางออก พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เพิ่มเข้ามามีแค่ 20 เสียงจำนวนน้อย หากไม่มีข้อขัดแย้งกับนโยบายของแต่ละพรรคต่าง ๆ ก็เดินหน้าต่อไปได้
นอกจากนี้การเทียบเชิญพรรคอื่นเข้าร่วมรัฐบาล นายก่อแก้ว กล่าวว่ายังไม่ได้พูดคุยกัน เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่มีแนวคิดที่จะเชิญพรรคอื่นที่มีข้อขัดแย้งมาร่วมด้วย เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่จะต้องตัดสินใจ ผู้ใหญ่พยายามหาพรรคที่ทำงานด้วยกันได้ คุยกันได้ทุกเรื่อง อย่างในช่วง ครม.เศรษฐา แม้พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย จะเป็นพรรคใหญ่และมีความเห็นต่างเรื่องนโยบายกัญชา แต่สุดท้ายก็หาทางออกร่วมกันได้ คุยกันได้ไม่มีปัญหา เพราะโดยธรรมชาติการเมืองถ้ามีทิศทางเดียวกันก็ไม่มีปัญหา
ส่วนคนที่มองว่าการชวนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลถือเป็นการรวมกันเฉพาะกิจ เพื่อสกัดพรรคประชาชนนั้น ไม่อยากให้ใช้คำว่า “สกัดกั้น” เพราะการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องทำงานร่วมกัน หากพรรคการเมืองใดมีแนวคิดแตกต่าง บางพรรคก็ไม่อยากจับมือด้วย เพราะทำงานแล้วอาจจะเดินไปด้วยกันยาก ดังนั้นการที่พรรคร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบันจับมือกัน ก็เพราะอยู่ด้วยกัน คุยด้วยกันได้ มีภาพรวมที่เข้าใจกัน