‘เพื่อไทย‘ เทียบเชิญ ’ประชาธิปัตย์‘ ร่วมรัฐบาล บอกเรื่องอดีตขอให้ทิ้งไว้ข้างหลัง
‘เพื่อไทย‘ เทียบเชิญ ’ประชาธิปัตย์‘ เข้าร่วมรัฐบาล บอกเรื่องอดีตขอให้ทิ้งไว้ข้างหลัง ด้าน ‘เดชอิศม์‘ โยนโควตา รมต.เป็นอำนาจนายกฯ ยันพรรคไร้ความขัดแย้ง
วันนี้ (28 ส.ค. 67) นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเทียบเชิญเข้าร่วมรัฐบาลให้กับนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
นายสรวงศ์ เปิดเผยว่ามีการพูดคุยกันตั้งแต่เมื่อคืนนี้ หลังมีมติพรรคเพื่อไทยจึงได้ประสานไปยังนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และได้เรียนเชิญนายเดชอิศม์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศและเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะเสนอชื่อรัฐมนตรี มั่นใจว่าในสภาผู้แทนราษฎรมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ขอให้อดีตก็เป็นเรื่องของอดีต
เมื่อวานนี้มีการพูดคุยถึงให้ความสัมพันธ์ของเลขาธิการเป็นที่ตั้งว่าเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปแล้วประเทศต้องเดินหน้าต่อ และทั้งสองพรรคก็เป็นพรรคการเมืองที่ร่วมต่อสู้กันมา ณ ตอนนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาดูแลพรรค แนวทางการทำงานก็ไปด้วยกันได้
อุดมการณ์ทางการเมืองอาจไม่เคยเหมือนกันเลยแต่ ณ วันนี้ถ้าคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค ทั้งหัวหน้าพรรคสองฝ่าย เลขาธิการพรรค หรือสมาชิกพรรคทุกคนมุ่งหน้าในทางเดียวกันคือ พี่น้องประชาชนต้องได้รับการแก้ไขชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น สิ่งที่เห็นตรงกันก็คือ ประเทศชาติถอยหลังไปหลายปี ถึงเวลาแล้วที่ต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรที่เป็นความไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งกันขอให้ทิ้งไว้ข้างหลัง อย่างไรก็ตามได้มีการพูดคุยกับกลุ่มพี่น้องคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่ตรงกันและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนที่ทุกคนเข้าใจได้
ด้านนายเดชอิศม์ กล่าวว่าต้องขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำที่ไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ และเทียบเชิญเป็นพรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกันบริหารประเทศ โดยพรรคประชาธิปัตย์ต้องนำคำเทียบเชิญ เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.เพื่อพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค. 67)
วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่ความรักความเข้าใจ และการให้อภัยกับพรรคเพื่อไทย ส่วนการพูดคุยกับโหวตเตอร์ของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้วกับวันนี้ สถานการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศก็ไม่เหมือนกัน รวมถึงแนวคิดในการพัฒนาประเทศก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองพรรคเข้ากันได้และเดินหน้าไปด้วยกันถือเป็นสิ่งที่ดีงาม
ส่วน นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน แกนนำของพรรคอีกกลุ่มหนึ่งที่ออกมาคัดค้าน ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย มีฝ่ายที่ร่วมรัฐบาลและไม่ร่วม แต่เมื่อผ่านประชามติของพรรคทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม เพราะทุกคนต้องยึดถือตามมติของพรรค
นายเดชอิศม์ ย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคสำรองในการเข้าร่วมรัฐบาล เพราะในการลงมติให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี มีสมาชิก 16 คนโหวตเห็นชอบ ซึ่งเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ร่วมรัฐบาล และเหตุการณ์ในขณะนั้นกับวันนี้ก็ไม่เหมือนกัน พรรคต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์บ้านเมือง ย้ำว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการผลักพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วม
ส่วนโควตารัฐมนตรีขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะให้พรรคประชาธิปัตย์นั่งกระทรวงไหน เพราะไม่อยากก้าวล่วงไปถึงอำนาจนายกรัฐมนตรี ไม่กังวลการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี แต่ยังไม่มั่นใจว่าใครจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีของโควตาพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ สส.เขตส่วนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่สอบถามความเห็นประชาชน ประชาชนอยากให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาล
โดยก่อนหน้านี้ที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ และไม่หารือกับพรรคพลังประชารัฐก่อนการร่วมโหวตนายกฯ นั้น นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า ”เอาที่สบายใจเลยครับ“ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดูที่ผลงาน การทำงานต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ขอโอกาสให้นายกฯ และ ครม.ได้ทำงาน หากมีอะไรที่ทำผิดหรือไม่ดีก็ขอให้ร้อง ผลงานจะพิสูจน์ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ปมถือหุ้นในบริษัทเอกชน และการลาออกจากกรรมการบริษัทต่าง ๆ เข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เรามีฝ่ายกฎหมายดูอยู่ มองว่าไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นประเด็น ทั้งนี้ถือเป็นสิทธิของนายเรืองไกรที่ไปยื่นร้อง
ขณะที่การเทียบเชิญกลุ่ม สส.ของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า และพรรคไทยสร้างไทย ที่เคยโหวตให้นางสาวแพทองธารหรือไม่นั้น เราให้เกียรติทุกพรรคการเมือง หากมีโอกาสเทียบเชิญพรรคอื่นหรือบุคคลอื่นก็จะทำ
