POLITICS

‘ไทยภักดี’ ยื่นค้านพระราชทานอภัยโทษ ‘ทักษิณ’

พรรคไทยภักดี ยื่นหนังสือ 3 จุดรวด ค้านพระราชทานอภัยโทษ ‘ทักษิณ’ ขอหน่วยงานรัฐยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม หยุดดูแลแบบอภิสิทธิ์ชน ยอมรับรัฐบาลสลายขั้วเป็นเรื่องดี และไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้

วันนี้ (28 ส.ค. 66) นายทศพล พรหมเกตุ รองหัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมกับตัวแทนพรรค ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้ตรวจสอบคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พบว่ายังมีคดีความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ กองทัพบก ยื่นฟ้องไว้เมื่อปี 2558 และคดียังค้างอยู่ในชั้นอัยการเนื่องจากในขณะนั้นนายทักษิณหลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศ

นายทศพล เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ที่กองทัพบกยื่นฟ้องนายทักษิณ ข้อหาความผิดหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตรา 112และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีที่ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร TIMES จากประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งมีผลกระทบต่อกองทัพบก และคดีนี้ศาลรับฟ้อง ไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา และมีอายุความ 15 ปี

นายทศพล ยังกล่าวว่า กรณีเป็นคดีที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ ทำให้อัยการสูงสุด ต้องมีส่วนรับผิดชอบคดี และก่อนหน้านี้อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้ว แต่ตัวผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ต่างประเทศ อีกทั้งตำรวจปอท. ได้ขอศาลออกหมายจับไว้แล้ว แต่นายทักษิณได้มอบหมายให้ทนายความยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดทบทวนความเห็นดังกล่าว จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี และอยากให้อัยการสูงสุดยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกคน

ด้านนายอนันต์ สาครเจริญ เหรัญญิกพรรคไทยภักดี ได้ไปยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์เช่นกัน เพื่อขอคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะราย ของนายทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ มีนายสมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์มาเป็นตัวแทนรับหนังสือ

นายอนันต์ ระบุว่า เนื่องจากมีข่าวผ่านสื่อมวลชนหลายสำนักอันเป็นที่เชื่อถือได้ว่า นายทักษิณ จะทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะราย พรรคไทยภักดีจึงขอคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษฯ ของนายทักษิณ เพราะมองว่า นายทักษิณ ต้องคำพิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตคอรัปชั่นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศมากถึง 4 คดี เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ เป็นการทำลายหลักธรรมาภิบาลของประเทศอย่างย่อยยับ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ และยังมีพฤติกรรมหลบหนีการลงโทษไปต่างประเทศ ไม่เคารพยอมรับคำพิพากษาของศาล

ดังนั้น การขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของ นายทักษิณ จะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และเป็นการผลักภาระความรับผิดชอบจากการกระทำความผิดของตนเอง ไปเป็นภาระของสถาบันฯ ซึ่งเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง

นายอนันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำดังกล่าว เนื่องจากนายทักษิณต้องโทษคดีทุจริต ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ควรจะต้องมีความโปร่งใสน่าเชื่อ และการทุจริตคอรัปชั่นเป็นการประพฤติผิดร้ายแรงจึงว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการมิบังควร จึงอยากให้เกิดความเท่าเทียม ไม่ใช่อภิสิทธิชน เพราะตั้งแต่ลงสนามบินมีตำรวจมารับทำความเคารพให้ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ แม้กระทั่งจะไปอยู่ห้อง VIP ของรพ.ตำรวจ และยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ จะต้องให้ความเท่าเทียมกับผู้ต้องขังรายอื่นๆโดยไม่มีอภิสิทธิชนในประเทศนี้

ขณะเดียวกัน กลุ่มไทยภักดียังมีตัวแทนไปยื่นหนังสือถึงกองบังคังการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในวันนี้ด้วย เนื่องจากเป็นพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการสูงสุด ได้ออกหมายจับที่ 114/59 แล้ว แต่ไม่สามารถจับตัวได้ จึงไปยื่นหนังสือเร่งรัดให้จับตัวนายทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรและอยู่ระหว่างการรับโทษแล้ว เพื่อนำส่งตัวต่ออัยการสูงสุดให้ส่งฟ้องศาลต่อไป

ทั้งนี้ นายทศพล พรหมเกตุ รองหัวหน้าพรรคไทยภักดี ยืนยันว่า สิ่งที่ออกมาวันนี้ต้องการให้หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมของรัฐได้ทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องการการสลายขั้ว และยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้ว เพราะมองว่า การจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วก็เป็นสิ่งที่ดี พร้อมต้องให้เวลา ให้โอกาสในการทำงานของรัฐบาล จึงจะพูดได้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร

Related Posts

Send this to a friend