นายกฯ แถลงแนวทางจัดการงบของรัฐบาล ยก 6 ยุทธศาสตร์ 1 รายการ

ดูเรื่องความมั่นคง – สร้างความสามารถด้านการแข่งขัน – พัฒนาศักยภาพมนุษย์ – สร้างความเสมอภาค – สร้างการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม – พัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐ
วันนี้ (28 พ.ค. 68) ที่อาคารรัฐสภา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยได้อ่านคำแถลงประกอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงหลักการว่าตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 69 เป็นจำนวนไม่เกิน 3.78 ล้านล้านบาท โดยเป็นการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังเป็นจำนวน 123,541,060,200 บาท โดยมีเหตุผลเพื่อให้หน่วยรับงบประมาณได้มีกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ต่อยอดการพัฒนาภาคการผลิต และบริการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และความเสมอภาคทางสังคม ดูแลคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงของประชาชนผ่านการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทต่าง ๆ และนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจทั่วไป ว่าสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 68 เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3 – 3.3 โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐ การบริโภคภายในประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดจากภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีปัจจัยเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนในภาคเกษตร สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.5 – 1.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 2.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
เศรษฐกิจในปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3- 3.3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่การดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.5 – 1.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลร้อยละ 2.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
สาระสำคัญของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว
มีวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 2,652,301.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 70.2 รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 123,541.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.3 รายจ่ายลงทุน จำนวน 864,077.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.9 และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 151,200ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.0 โดยรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ที่เป็นรายจ่ายลงทุนกรณีการกู้เพื่อการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 10,519.6 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาระสำคัญของงบประมาณรายจ่าย ขอจำแนกการนำเสนอตามกลุ่มงบประมาณ และยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ดังนี้
1.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569จำแนกตามกลุ่มงบประมาณ ประกอบด้วย
1.1 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง จำนวน 632,968.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.7 ของวงเงินงบประมาณ
1.2 งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณจำนวน 1,408,060.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.2 ของวงเงินงบประมาณ
1.3 งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ จำนวน 98,767.8ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.6 ของวงเงินงบประมาณ จำนวน 9 เรื่อง ได้แก่ การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้, เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ, เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย, บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ, ป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด, พัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต, รัฐบาลดิจิทัล
และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว
1.4 งบประมาณรายจ่ายบุคลากร จำนวน 820,820.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.7ของวงเงินงบประมาณ
1.5 งบประมาณรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน จำนวน 274,576.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.3 ของวงเงินงบประมาณ
1.6 งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐจำนวน 421,864.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.2 ของวงเงินงบประมาณ
1.7 งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 123,541.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.3 ของวงเงินงบประมาณ
2.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณกำหนดไว้จำนวน 6 ยุทธศาสตร์ 1 รายการ มีรายละเอียดการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1 : ด้านความมั่นคง
รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 415,327.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.0 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อพัฒนาความมั่นคงของประเทศ จำแนกการดำเนินงานสำคัญ คือ
1.การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ 1,475.0 ล้านบาท
2.การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ งบประมาณ 5,418.3 ล้านบาท เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศแนวหน้าในภูมิภาคอาเซียน มีเกียรติภูมิ อำนาจต่อรอง และได้รับการยอมรับในสากล
3.การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดงบประมาณ 5,462.3 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด
4.การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติงบประมาณ 13,436.1 ล้านบาท เพื่อพิทักษ์รักษา และธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันหลักของชาติ
5.การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง งบประมาณ 23,842.0 ล้านบาท เพื่อรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ป้องกันภัยคุกคาม ภัยอาชญากรรมข้ามชาติ และความมั่นคงทางชายแดน ชายฝั่งทะเล
6.การพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติและระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ งบประมาณ 26,685.5 ล้านบาท เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ในการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและภัยพิบัติ
7.การรักษาความสงบภายในประเทศ การพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ และความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ งบประมาณ 92,519.9 ล้านบาท
8.การดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น งบประมาณ 40,621.5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ งบประมาณ 205,867.3 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคง พัฒนา และเสริมสร้างการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 394,611.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.5 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มีเสถียรภาพและยั่งยืน จำแนกการดำเนินงานสำคัญ คือ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ, การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล, การพัฒนาความมั่นคงทางพลังงาน, การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์, การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง แข่งขันได้, การพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต, การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว, เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, การพัฒนาพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ, การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม, การเกษตรสร้างมูลค่า, การพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ และการดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น
ยุทธศาสตร์ที่ 3 : ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 605,927.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.0 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้คู่คุณธรรมและคุณภาพชีวิตที่ดีจำแนกการดำเนินงานสำคัญ ได้แก่การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม, การเสริมสร้างศักยภาพการกีฬา, การเสริมสร้างให้คนมีสุขภาวะที่ดี, การพัฒนาคุณภาพการศึกษา การเรียนรู้ และศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต, การดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น
ยุทธศาสตร์ที่ 4 : ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 942,709.2 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับสวัสดิการพื้นฐาน บริการสาธารณะอย่างทั่วถึงเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ จำแนกการดำเนินงานสำคัญ อาทิ การบริหารจัดการที่ดิน ทรัพยากรดิน และการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก มาตรการแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่มและการรองรับสังคมสูงวัย การส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ การสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาและสังคม การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การสร้างหลักประกันและพลังทางสังคม การดำเนินงานภารกิจพื้นฐาน
ยุทธศาสตร์ที่ 5 : ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 147,216.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.9 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม การจัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น
ยุทธศาสตร์ที่ 6 : ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 605,441.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.0 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อยกระดับการบริการภาครัฐให้มีขีดสมรรถนะสูง โดยเปลี่ยนผ่านไปสู่ราชการทันสมัยในระบบดิจิทัล การจัดการปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบ จำแนกการดำเนินงานสำคัญ คือ การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ รัฐบาลดิจิทัล การพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การพัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ การสนับสนุนด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ การดำเนินงานภารกิจพื้นฐาน
ส่วนรายการค่าดำเนินการภาครัฐ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้ จำนวน 669,365.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.7 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายสำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น การบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ จำนวน 421,864.4 ล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 123,541.1 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่รัฐบาลเสนอในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ ภายใต้ข้อจำกัดด้านรายได้และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก รัฐบาลจึงดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ทั้งในด้านความมั่นคง การสร้างความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปรับปรุงระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างแท้จริง และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป