POLITICS

‘เรืองไกร’ ร้อง กกต.สอบ ‘พิธา’ เรื่องงานศพพ่อ ยันไม่ได้เล่นเกมสกัดก้าวไกล

‘เรืองไกร’ ร้อง กกต.สอบ ‘พิธา’ เรื่องงานศพพ่อ ยันไม่ได้เล่นเกมสกัดก้าวไกล หากไม่พูดคงไม่เป็นประเด็น แจงชัดไม่เคยสั่งให้อายัดบัญชี

วันนี้ (28 เม.ย. 66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมายื่นหลักฐานสำนักต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เช่นเดียวกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงงานศพของคุณพ่อผ่านรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา

นายเรืองไกร ระบุว่าวันนี้จำเป็นต้องมายื่นร้องเรียน เพราะกรณีดังกล่าว เข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปี 2561 มาตรา 73 (5) และต้องการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะเกี่ยวข้องกับมิติทางการเมืองที่หาเสียง ขณะนี้ก็อยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่กลับมีคำพูดให้เกิดประเด็นในสังคม ซึ่งเมื่อนำบทสัมภาษณ์ในรายการของนายสรยุทธ ไปเทียบกับเมื่อปี 2552 ของ “คุณหนูแหม่ม” ซึ่งนายพิธาออกมาบอกว่าเป็นข้อเท็จจริงทั้งคู่

นายเรืองไกร กล่าวถึงข้อพิรุธ 4 ประเด็น ประเด็นแรกเรื่องที่นายพิธา อ้างว่านายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งความจริงแล้วขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ประเด็นที่สองที่บอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตในวันที่ 19 กันยายน 2549 ทั้งที่นายพิธา ได้โชว์ภาพกระดานงานศพ กำหนดจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2549 โดยมีเจ้าภาพเป็นภรรยาและบุตร

ประเด็นที่สาม นายพิธา บอกว่าตนเองทำงานเป็นข้าราชการการเมือง ช่วยงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร แต่นายพิธา ชี้แจงว่าขณะนั้นเรียนหนังสือที่บอสตัน ประเด็นที่สี่ นายพิธาบอกว่า ตนเองถูกอายัดบัญชี 2-3 เดือน และไม่สามารถนำเงินมาจัดงานศพคุณพ่อได้ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการควบคุมบัญชีต้องเป็นคำสั่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยขณะนั้นตนเองทำงานอยู่ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่เคยเห็นรายชื่อของนายพิธาเข้าข่ายโครงการที่จะต้องตรวจสอบ

นายเรืองไกร ยังได้ยกคำวินิจฉัยของ กกต. เรื่องการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าแลง เขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรีว่ามีการหาเสียงอันเป็นเท็จ ต้องถูกดำเนินคดีมาประกอบด้วย หากตรวจสอบคนอื่นได้ ตนเองก็ต้องตรวจสอบได้ในฐานะเป็นบุคคลสาธารณะ กกต.ต้องรีบดำเนินการพรรคที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต้องตรวจสอบกันเอง เรื่องแบบนี้ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ขอให้ตรงไปตรงมา

“ผมอยู่การเมืองมา เคยตรวจสอบแล้วทุกฝ่าย คุณพิธาก็ตรวจ พอตรวจเสร็จก็ฟ้องหมิ่นประมาทผม ท่านจะแก้กฎหมายหมิ่นประมาท แต่ท่านฟ้องหมิ่นประมาทผม ท่านจำได้ใช่หรือไม่ ตอนหลังมาขอคุยแล้วขอยกไป พี่น้องอาจจะไม่รู้ ท่านฟ้องผมลงชื่อนายพิธา พี่น้องต้องทราบข้อเท็จจริงให้รอบด้าน และนำไปพิจารณา ท่านจะเลือกพรรคไหน ดุลยพินิจอยู่ที่พี่น้องประชาชน คนไหนไม่ถูกไม่ต้อง ผมมั่นใจในข้อเท็จจริงที่เพียงพอที่จะนำสู่การร้องต่อ กกต.”

เมื่อถามว่าไม่ได้เป็นการสกัดกระแสของพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ห่วงเรื่องกระแส ถ้านายพิธาไม่ได้พูดกับนายสรยุทธก็ไม่เกิดประเด็น เห็นที่นายพิธามาแก้ต่าง มีการอ้างข่าวภาษาอังกฤษ ตนเองก็นำข่าวของราชการมายืนยัน โดยหลักฐานที่มายื่นไม่ได้เติมแต่งด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หลังจากนี้ กกต.คงเรียกมาสอบ ใครทำผิดทำพลาดอะไรก็ต้องยอมรับกติกาสังคม

Related Posts

Send this to a friend