‘ธนกร’ บอก นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ได้เกทับ ‘ป้อม 700’ ลั่น ทราบที่มางบทุกนโยบาย

‘ธนกร’ บอก นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ใช่การเกทับ ป้อม 700 ลั่น ทราบที่มางบทุกนโยบายไม่เหมือนบางพรรค โวไม่ใช่คุยแค่เริ่มต้นมี ส.ส.ในมือ 40 เสียงแล้ว
วันนี้ (28 ก.พ. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวชี้แจงถึงกระแสข่าวการยุบสภาฯ ในวันที่ 21 มีนาคมนี้ว่า ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับพลเอกประยุทธ์ยืนยัน เราก็ทำงานไปตามปกติ
ส่วนการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติในครั้งต่อไป ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 จะมีประมาณ 20 คน ส่วนที่มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ดูแคลนว่ารวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.ไม่เกิน 25 คน นั้น ขณะนี้มี ส.สแล้วกว่า 40 คน และจากการลงพื้นที่กับพลเอกประยุทธ์ในหลายจังหวัดก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี จะเห็นได้จากผลงานการทำงานของนายกรัฐมนตรี 7-8 ปีที่ผ่านมา ว่ามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ฉะนั้นแม้ฝ่ายค้านจะหาเสียงโจมตีนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีผลงาน ตนจึงมองว่าการที่พรรคฝ่ายค้านยิ่งออกมาพูดจะยิ่งทำให้ประชาชนไว้ใจรวมไทยสร้างชาติมากยิ่งขึ้น และเห็นใจพลเอกประยุทธ์มากขึ้น
นอกจากนี้นายธนกร ยังมั่นใจนโยบายของพรรคโดยเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสที่มีการปรับอัตราสนับสนุนเป็น 1,000 บาท สามารถทำได้อย่างแน่นอนเนื่องจากทราบที่มาของเงิน รวมไปถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน สิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายที่เรา ทำสำเร็จมาแล้ว ทำอยู่แล้วจะทำต่อไป โดยพลเอกประยุทธ์ ย้ำกับพรรคเสมอว่า ทุกนโยบาย ต้องมีแหล่งที่มาของงบประมาณอย่างชัดเจน
ฉะนั้นการที่นโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคที่ต้องใช้งบประมาณสูงมาก ตนไม่รู้ว่าจะนำเงินมาจากส่วนไหน แต่ของรวมไทยสร้างชาติ พลเอกประยุทธ์ย้ำเสมอว่า ทุกนโยบายต้องมีแหล่งที่มาของงบประมาณอย่างชัดเจน ต่างจากพรรคอื่น ตอนนี้ตนยังไม่เห็นนโยบาย ของพรรคใดที่บอกที่มาของงบประมาณเลย เพียงแต่บอกนโยบายว่าจะให้ 3,000 4,000 5,000 ซึ่งก็ต้องว่ากันไป ตนไม่ขอก้าวล่วง พร้อมขอสื่อมวลชนอย่ามองว่าเป็นการเกทับกันเรื่องนโยบายระหว่างพรรคการเมือง เพราะเราก็รู้ดีว่านโยบายโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็เป็นแนวคิดที่พลเอกประยุทธ์ได้พูดคุยหารือ
วันนี้แต่ละพรรคก็สามารถนำโครงการสวัสดิการแห่งรัฐไปกำหนดเป็นนโยบายของพรรคได้ ไม่มีปัญหา และย้ำว่านโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติถูกคิดมานานแล้ว เพียงแต่ทยอยเปิด และเราจะไม่พูดในสิ่งที่ทำไม่ได้ สิ่งที่พูดจะต้องสามารถทำได้และสำเร็จมาแล้ว พร้อมกับยังระบุอีกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติทราบดีว่านโยบายแต่ละส่วนจะนำเงินมาจากที่ใดเนื่องจากสุดท้ายแล้ว ทุกนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องผ่านด่านสุดท้ายคือนายกรัฐมนตรี
ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พลเอกประยุทธ์จะจับมือกับฝ่ายค้านชุดปัจจุบันในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า นาย ธนกรระบุว่า ขอให้ดูคะแนนหลังเลือกตั้งดีกว่าว่ากลไกจะเป็นเช่นไร เพราะพรรคฝ่ายค้านบางพรรคก็ประกาศมาแล้วว่าจะไม่ร่วมกับรวมไทยสร้างชาติในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก็ไม่ว่ากัน แต่เราเองก็จะยังเดินหน้า พร้อมย้ำว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่ผู้ขัดแย้งกับใคร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน เพราะทุกคนทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
ส่วนภายหลังการเลือกตั้งพลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะทิ้ง พลเอกประยุทธ์ไปจับมือกับฝ่ายค้าน ชุดปัจจุบันหรือไม่ นายธนกรระบุว่าเรื่องนี้ตนไม่ขอไปก้าวล่วง แต่ขอยืนยันในความสัมพันธ์ระหว่างพลเอกประวิตรและพลเอกประยุทธ์ ในความเป็นพี่เป็นน้องและความผูกพัน 40-50 ปี รอตนเองรู้จักพลเอกประยุทธ์มา 2-3 ปีก็ยังเคารพ จะนับประสาอะไรกับคนที่รู้จักกันมา 40-50 ปี
เมื่อถามย้ำว่าพลเอกประวิตรจะไม่ทิ้งพลเอกประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่าตนไม่อยากใช้คำว่าทิ้งเพราะท่านไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว และคิดว่าทั้ง 2 ท่านก็อยู่ในใจ ซึ่งจิตใจสำคัญกว่าร่างกาย วันนี้จิตใจนำพาร่างกาย แล้วมันจะไม่เกิดสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน ความรักความผูกพันมันมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน