POLITICS

‘อนุชา’ คาด 2 เดือนสลากกินแบ่งฯ ราคาลงเตรียมแก้ไข พ.ร.บ.สลากฯ เพิ่มโทษขายเกินราคา

‘อนุชา’ เผยความคืบหน้าแก้ปัญหาสลากเกินราคา พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบเข้มข้น ขายสลากผ่านแพลตฟอร์ม คาด 2 เดือนสลากราคาลง เตรียมแก้ไข พ.ร.บ.สลากฯ เพิ่มโทษขายเกินราคา

วันนี้ (28 ก.พ. 65 ) เวลา 15.00 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ  นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี รองประธานฯ และหัวหน้าชุดเฉพาะกิจในการตรวจสอบและติดตามผู้ค้าสลากเกินราคา พร้อมด้วย พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาตามโรดแมปของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เปิดให้ตัวแทนจำหน่ายสลาก สมัครเข้าร่วมโครงการ “สลาก80” เพื่อเป็นจุดที่ประชาชนจะสามารถซื้อสลากได้ในราคา 80บาท รวม 1,000 จุดทั่วประเทศ หลังจากปิดรับสมัคร ตัวแทนจำหน่ายประเภทบุคคลทั่วไป ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สมัครเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสิ้นจำนวน 4,790 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ และจะดำเนินการคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายแต่ละจังหวัดตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ในงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565  

ในส่วนของการเปิดรับลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งฯ ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 มกราคม 2565  นั้น มีผู้ลงทะเบียนสมัครจำนวน 1,039,868 ราย  โดยเป็นผู้ลงทะเบียนสมัครรายใหม่ ปี 2565 จำนวน 903,492 ราย และเป็นผู้สมัครลงทะเบียนรายเดิมปี 2558 จำนวน 136,376 ราย และสำนักงานฯ ได้มีประกาศให้ผู้สมัครเข้ามาตรวจสอบข้อมูลและยืนยันความถูกต้องข้อมูลตนเอง เมื่อวันที่ 7 – 13 กุมภาพันธ์ 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่าง เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพื่อคัดกรองคุณสมบัติกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม กองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

สำหรับ แนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติ คัดกรอง หาผู้จำหน่ายสลากจริงในราคา 80 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ รายเดิม ปี 2558 ซึ่งยังสามารถทำรายการได้นั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานสลากฯ ได้ เตรียมจัดทำคิวอาร์โค้ด ให้กับผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ เพื่อให้ประชาชนที่ซื้อสลาก สแกนแจ้งข้อมูล เพื่อยืนยันว่าเป็นผู้จำหน่ายสลากด้วยตนเองจริง นอกจากนี้ จะตรวจสอบจากรายการซื้อ-ขายสลากผ่านระบบแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ในขณะเดียวกันสำนักงานได้เตรียมลงพื้นที่ร่วมกับ หน่วยงานภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือเป็นผู้ทำการสำรวจและตรวจสอบผู้ลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ  ไปพร้อมๆ กันกับการให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ยืนยันตัวตนกับหน่วยงานที่สำนักงานฯ กำหนด

ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมาย และการเพิ่มมาตรการ หลักเกณฑ์การปฏิบัติในการรับสลากไปจำหน่าย เพื่อให้เกิดผลชัดเจนในการปฏิบัติ นั้น สำนักงานสลากฯ ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า ได้มีการกำหนดมาตรการลงโทษตัวแทนจำหน่ายนิติบุคคล ประเภท สมาคม องค์กร มูลนิธิ ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา รวมถึงการตรวจพบบนแพลตฟอร์มของกลุ่มบุคคลที่จำหน่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยกำหนดช่วงระยะเวลาในการตรวจสอบ เป็น 4 ครั้ง

ครั้งที่ 1 ตั้งแต่งวดวันที่ 16 ธันวาคม 2564 – งวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 รวม 4 งวด

ครั้งที่ 2 ตั้งแต่งวดวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 – งวดวันที่ 1 เมษายน 2565 รวม 4 งวด

ครั้งที่ 3 ตั้งแต่งวดวันที่ 16 เมษายน 2565 – งวดวันที่ 1 มิถุนายน 2565 รวม 4 งวด

ครั้งที่ 4 ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 – งวดวันที่ 1 สิงหาคม 2565 รวม 4 งวด
 
หากตรวจพบการกระทำความผิด ครั้งที่ 1 สำนักงานฯ จะมีหนังสือแจ้งเตือนให้ตรวจสอบ ควบคุมสมาชิก หากตรวจพบการกระทำความผิดซ้ำในครั้งต่อไป สมาคม องค์กร มูลนิธิ จะต้องถูกปรับลดจำนวนสลากที่สำนักงานฯ จัดสรรให้ โดยหากตรวจพบการกระทำผิดซ้ำครั้งที่ 2 จะปรับลดสลากลงร้อยละ 25 ของจำนวนสลากที่ตรวจพบการกระทำความผิด โดยจะมีผลในงวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2565  

หากตรวจพบการกระทำผิดซ้ำครั้งที่ 3 จะปรับลดสลากลงร้อยละ 50 ของจำนวนสลากที่ตรวจพบการกระทำความผิด โดยจะมีผลในงวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2565  หากตรวจพบการกระทำผิดซ้ำครั้งที่ 4 จะปรับลดสลากลงร้อยละ 100 ของจำนวนสลากที่ตรวจพบการกระทำความผิด โดยจะมีผลในงวดวันที่ 16 กันยายน 2565  ทั้งนี้ ในที่ประชุมเห็นว่า ควรพิจารณา บทลงโทษให้มีความเข้มข้น เด็ดขาดมากกว่านี้

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้ ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ทั้ง 3 คณะ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงรุก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย

  • คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากเกินราคา มีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (นายเสกสกล อัตถาวงศ์) เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล) เป็นรองประธาน และที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมพาศ นิลพันธ์) เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
  • คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลกินราคา มี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชาญกฤช เดชวิทักษ์) เป็นประธานอนุกรรมการ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายมงคลชัย สมอุดร) เป็นรองประธาน และผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
  • คณะอนุกรรมการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ มีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือผู้แทน เป็นรองประธาน และผู้อำนวยการสำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ  ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการทั้ง 3 คณะ จะเริ่มทำงานทันที เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนงานไปได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว เป็นไปตามวัตถุประสงค์  

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการค้าสลากเกินราคาได้ โดยในระยะสั้นคือการคัดกรองคุณสมบัติผู้ค้าตามโครงการ “สลาก80” ที่จะมีการจำหน่ายใน 1,000 จุด ทั่วประเทศ ส่วนการปรับรูปแบบการค้าเป็นออนไลน์และการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งเป็นความตั้งใจของคณะกรรมการที่ต้องการให้ปัญหาการค้าสลากเกินควรหมดไป และประชาชนทั่วประเทศได้ซื้อสลากในราคาจำกัดที่ 80 บาท

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า คณะกรรมการและสำนักงานสลากฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งดำเนินแนวทางตลอดจนมาตรการต่างๆ  เพื่อบรรเทาและคลี่คลายความรุนแรงของปัญหาราคาสลาก ในขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาราคาสลากอย่างยั่งยืนนั้น จะต้องใช้เวลาและต้องใช้หลายมาตรการประกอบกัน รวมถึงทุกคนต้องร่วมมือกันถึงจะแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ ที่สำคัญขอให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ขายสลากฯ รักษาสิทธิ์ของท่านไว้ห้ามเปลี่ยนมือผู้ถือสิทธิ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่ส่วนต่างราคาสลากจากการเปลี่ยนผู้ถือสิทธิ์

“พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความใยต่อปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีประชาชนร้องเรียนผ่านส่วนราชการมาจำนวนมาก ยืนยันต้องการทำเพื่อแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อหวังผลประโยชน์การเมือง หวังให้คณะกรรมการฯ แก้ไขปัญหาให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

Related Posts

Send this to a friend