POLITICS

เปิดฉายาตำรวจปี 66 ผบ.ตร. ฉายา ‘ต่อ เฟรนลี่’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ‘โจ๊ก รอได้’

เปิดฉายาตำรวจปี 66 ทั้งหมด 11 นาย ผบ.ตร. ฉายา ‘ต่อ เฟรนลี่’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ‘โจ๊ก รอได้’ พล.ต.อ.รอย ’สุภาพบุรุษสีกากี‘ รอง ผบช.น. ‘เชอร์ล็อคนพ’ ผบก.สส.บช.น. ’โคนัน นครบาล‘

วันนี้ (27 ธ.ค. 66) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ตัวแทนสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ร่วมกันแถลงการณ์ตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2566

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมทำงานใกล้ชิดกับแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมาสื่อมวลชนเฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำเสนอผลงานสู่สายตาประชาชน เพื่อสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาทางสมาคมฯ จึงร่วมกันตั้งฉายาตำรวจประจำปีขึ้น โดยเกณฑ์ในการตั้งฉายามีการประชุมร่วมกันกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่าง ๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามา และทำการคัดเลือกในปีนี้เหลือเพียง 11 นาย ดังนี้

1.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ฉายา “ต่อ เฟรนลี่”

ที่ผ่านมาสื่อมวลชนสายอาชญากรรม ขนานนาม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้เป็น “มือปราบสายธรรมะ” เนื่องจากเป็นนายตำรวจที่ใช้หลักธรรมในการทำงานและหลักรัฐศาสตร์ เดินสายปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ในขณะเดียวกันยังเป็นคนเรียบง่าย ไม่ถือตัว บ่อยครั้งจะเห็นภาพของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ร่วมวงกินข้าวกับผู้ใต้บังคับบัญชา และวางตัวเป็นกันเองกับลูกน้อง เน้นสวัสดิการให้ ใครต่อใครก็เข้าถึงได้ เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย เป็นที่รักของลูกน้องจำนวนมาก

2.พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ฉายา “สุภาพบุรุษสีกากี”

พล.ต.อ.รอย ถือเป็นนายตำรวจที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ ด้วยฝีไม้ลายมือในการทำงานและผ่านงานระดับ ตร. ทุกหน้างาน ทั้งงานปราบปราม งานสืบสวน และความมั่นคง เป็นนายร้อยตำรวจรุ่น 40 เกษียณอายุราชการปี 2567 และเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับที่ 1 ในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 13 และคนที่ 14 ที่ผ่านมา ทำให้มีลุ้นเป็นตัวเต็งนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ถึงสองครั้ง แม้จะไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร. แต่ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย และมีกระแสข่าวว่าจะโยก พล.ต.อ.รอย ไปรับตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นการตอบแทน

3.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ฉายา “โจ๊ก รอได้”

ด้วยฝีไม้ลายมือการทำงานที่ปรากฏต่อสายตาประชาชน ประกอบกับอายุราชการที่ยังคงเหลืออีกหลายปี ทำให้ถูกจับตาว่ามีสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร. และสื่อมวลชนสายตำรวจวิเคราะห์ว่า หากไม่มีอะไรสะดุด ในปี 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะกลายเป็นอาวุโสอันดับ 1 ทันที และจะมีสิทธิ์ได้ใช้นามเรียกขาน “พิทักษ์ 1” แต่ก็ต้องผ่านอีกกี่ขวากหนามบนเส้นทางสู่ ผบ.ตร. อีกทั้งเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ตนเองรอได้ ใครอยากเป็น ผบ.ตร.ก็เป็นไปก่อน” จึงเป็นที่มาของฉายา

4.พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ฉายา “หลวงโดดปราบยา”

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ มีชื่อเล่นว่า “หลวง” เป็นนายตำรวจที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋น และเป็นหนึ่งเดียวในระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ได้รับความไว้วางใจจาก ผบ ตร. ดูแลงานครบทุกหน้างาน อีกทั้งยังได้รับมอบหมายให้ดูแลงานป้องกัน และบำบัดผู้ติดยาเสพติด ที่ผ่านมานำกำลังตำรวจระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดจับผู้ต้องหาได้มากกว่า 60,000 คน ขยายผลไปถึงผู้ซื้อและตัวแทนจำหน่ายยาเสพติด 209 แห่งทั่วประเทศ ยึดของกลางยาเสพติด อาวุธปืนเถื่อน กระสุน และวัตถุระเบิดอีกเป็นจำนวนมาก จนได้รับการเสนอชื่อกระโดดข้ามห้วยเป็นข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)

5.พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฉายา “จ้าว แข็งโป๊ก”

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.นามเรียกขาน “น.1” ด้วยฝีไม้ลายมือที่เป็นที่ยอมรับให้คุมพื้นที่เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร เป็นนายตำรวจที่ได้ชื่อว่ามีความตงฉิน ยอมหักไม่ยอมงอ และไม่ยอมรามือให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ออกนอกลู่นอกทาง เน้นย้ำภารกิจสำคัญสูงสุด “ถวายความปลอดภัย” รวมถึงปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล กำชับเรื่องปัญหายาเสพติด บ่อนการพนัน สถานบริการ และการแต่งตั้งที่ผ่านมาหลายคนคิดว่า พล.ต.ท.ธิติ ต้องได้ย้ายหรือไม่ก็ขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. เนื่องจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่ก็ยังรักษาเก้าอี้ “น.1.” ไว้อย่างเหนียวแน่น

6.พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. ฉายา “บิ๊กอรรถกัดไม่ปล่อย”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ มีชื่อเล่นว่า “อรรถ” เคยเป็นหัวหน้าทีมคดี “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี 2 คดี และคดีข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี ในพื้นที่ สน.ลุมพินี โดยทำคดีอย่างตรงไปตรงมาไม่เลือกปฏิบัติ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งใหญ่ก็ตาม ฝากผลงานไว้มากมาย จากการเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT นำกำลังไล่กวาดล้างจับกุมเครือข่ายพนันออนไลน์ และเกาะติดไล่ล่าชนิดถอนรากถอนโคน

7.พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ฉายา “เพชฌฆาต โจรไซเบอร์”

ที่ผานมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ นำกำลังตำรวจไซเบอร์ออกปราบปราม กวาดล้างภัยออนไลน์กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งเว็บพนันออนไลน์ และทุกครั้งที่มีการปฏิบัติการ พล.ต.ท.วรวัฒน์ จะลงพื้นที่คุมงานเอง ขณะเดียวกันยังแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์กลโกงของคนร้ายต่าง ๆ ให้รับทราบ เปรียบเสมือนการให้วัคซีนทางไซเบอร์ให้รู้เท่าทัน มีสติ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

8.พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 “ที่สุด ของแจ้”

พล.ต.ท.จิรสันต์ มีชื่อเล่นว่า “แจ้” ด้วยบุคลิกที่เป็นนายตำรวจใฝ่รู้ มาดสุขุม นุ่มลึก บวกกับสไตล์การทำงานคลุกคลีตีฝุ่นเป็นกันเองกับผู้ใต้บังคับบัญชา ยามว่างลงพื้นที่เสริมสร้างสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับประชาชน พล.ต.ท.จิรสันต์ เป็นรอง ผบช.น.ยาวนานถึง 5 ปี ทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งก็คาดหมายว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการตำรวจ เพราะจะเกษียณอายุราชการในปี 2567 สุดท้ายก็ปรากฏชื่อได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจซึ่งถือเป็นปีสุดท้ายก่อนเกษียณ แต่ที่สำคัญได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 หรือที่ใครเรียกว่าผู้บัญชาการตัวเลข

9.พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ฉายา “เชอร์ล็อคนพ”

พล.ต.ต.นพศิลป์ เป็นนักสืบยุค 5G ด้วยประสบการณ์ที่สะสมบนเส้นทางนักสืบได้ถ่ายทอดวิชาแก่นักสืบรุ่นหลัง และบ่อยครั้งมักจะถูกดึงตัวมาอยู่ในชุดทีมคลี่คลายคดีสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลายยุคหลายสมัย ล่าสุดกับคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” เป็นบทพิสูจน์ชุดคลี่คลายคดีหลังศาลชั้นต้นสั่งจำคุกนายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” 20 ปี จน ผบ.ตร.ชื่นชมยกเป็นโมเดลให้นักสืบรุ่นใหม่ และด้วยฝีไม้ลายมือเป็นที่ประจักษ์ ทำให้ชื่อของ พล.ต.ต.นพศิลป์ ติดทำเนียบเป็นนักสืบชั้นครูของวงการตำรวจไทย เทียบคล้ายกับนักสืบดังในภาพยนตร์ “เชอร์ล็อคโฮล์ม” และในอดีตมีนักสืบชั้นครูอย่าง พล.ต.ท.ธนู หอมหวล หรือ “เชอร์ล็อคนู”

10.พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ฉายา “มือปราบกังฉิน”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เป็นมือปราบที่ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ ผ่านคดีดังมากมายที่เกี่ยวข้องกับการจับข้าราชการระดับสูง ที่ทุจริตเรียกรับสินบน ด้วยภาพของการปราบข้าราชการทุจริตคอรัปชั่น เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ฮั้วประมูลงานต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จนปัจจุบันได้รับความไว้วางใจให้ขยับตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่ยังคงรับผิดชอบ บก.ปปป. ล่าสุดเป็นผู้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนายวีระชาติ รัศมี นายกเทศบาลตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ลูกเขยของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

11.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล “โคนัน นครบาล”

พล.ต.ต.ธีรเดช หนึ่งในลูกหม้อนครบาล ด้วยฝีมือระดับตำนานนักสืบ ผ่านการฝึกฝนตำราสืบสวนมาอย่างมากมาย มีผลงานโดดเด่นด้านการสืบสวนเทียบชั้นครู ตามเช็คบิลปิดคดีสำคัญได้หลายคดี และคดีล่าสุดคือ คดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” ย่านคลองเตย เป็นกลุ่มองค์กรอาชญากรรม ขยายผลจนจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้แล้ว 25 ราย และยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมอีก 1 ราย นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมาสามารถจับกุมคดีตามหมายจับได้ถึง 1,443 คดี

Related Posts

Send this to a friend