POLITICS

‘วิโรจน์’ เชื่อพยายามตั้งรัฐบาล 10 เดือนดีกว่าเร่งรีบข้ามขั้วได้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ

‘วิโรจน์’ เชื่อพยายามตั้งรัฐบาล 10 เดือนดีกว่าเร่งรีบข้ามขั้วได้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ ชี้ถ้าประชาชนรีบ แฟนคลับพรรคขั้วตรงข้ามกดดันพรรคตัวเองให้โหวต ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ไปแล้ว บอก รัฐบาลรักษาการ เป็น รบ.สิ้นสภาพ คือมายาคติ

วันนี้ (27 ก.ค. 66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว The Reporters หลังนายวิโรจน์ โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว นับถอยหลังการหมดอำนาจของ สว. ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ในอีก 290 วัน และโพสต์แสดงความเห็นเชื่อว่าประชาชนจะรอได้ เพื่อให้มีรัฐบาลที่มาจากเจตจำนง

นายวิโรจน์ กล่าวถึงเหตุผลที่เชื่อในเรื่องดังกล่าว ระบุว่า ตนเชื่อว่าที่ผ่านมาเรารู้สึกเครียดเพราะเรากดดันตัวเองเกินไป แต่หากดูจากประเทศในยุโรปหลายประเทศ ก็เคยใช้เวลาในการตั้งรัฐบาลอย่างยาวนาน เช่น ประเทศเบลเยี่ยมใช้เวลา 541 วัน หรือในประเทศสเปนก็เคยใช้เวลากว่า 300 วันในการตั้งรัฐบาล ดังนั้นกลไกในระบบรัฐสภา การตั้งรัฐบาลผสมย่อมใช้เวลาในการเจรจาแบบนี้ พูดคุยไปเรื่อยๆ ไม่สำเร็จก็พยายามต่อไป มันไม่ใช่การรอ แต่เป็นการพยายามไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายสามารถทำได้สำเร็จ เพราะแรงกดดันจะดึงดูดให้ทุกฝ่ายเข้ามาพูดคุยกันจนสำเร็จ เพราะไม่มีกลุ่มใดต้องการมือเปล่า เช่น สว. กลุ่มที่ไม่โหวต เขาก็นับถอยหลังการหมดอำนาจโหวตนายกฯ หลังวันที่ 11 พ.ค. 67 ตามที่ ม.272 เขียนไว้อย่างชัดเจน

เมื่อถามถึงความเห็นของนายวิโรจน์ ที่เชื่อว่าประชาชนจะรอได้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ประชาชนไม่ได้ต้องการ ’รัฐบาลอะไรก็ได้’ เร็วๆ อย่างที่ หลายคนพูดว่าต้องการรัฐบาลเร็วๆ จะสลับขั้วก็ได้ ซึ่งแนวความคิดแบบนี้ทำลายหลักการของระบบรัฐสภา ไม่เกรงอกเกรงใจฉันทามติจากประชาชน ที่ทั้ง 8 พรรครวมกันมีมากกว่า 26 ล้านเสียง คนที่พูดแบบนี้แสดงว่าประชาชนต้องการรัฐบาลเร็วๆ และต้องการรัฐบาลอะไรก็ได้ แต่ตนเองขอยืนยันว่าไม่ใช่แบบนั้น

หากประชาชนต้องการรัฐบาลเร็วๆ รัฐบาลอะไรก็ได้จริง ประชาชนที่ไม่ได้เลือกก้าวไกล เช่น คนที่เลือกภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ เขาก็ต้องกดดันให้พรรคที่เขาเลือก มาโหวตให้พิธา ในวันที่ 13 ก.ค.หรือ 19 ก.ค. ไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีแรงกดดันอะไร ในขณะที่พรรคอันดับ 3 อันดับ 4 และ อันดับ 5 ที่สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ แข่งในสภาได้ ก็ไม่ส่งชิงตำแหน่งนายกฯ

หากดูปฏิกิริยามวลชนแบบนี้ แสดงว่า ’ประชาชนรอได้’ ยิ่งในฟากที่เลือกพรรคก้าวไกลและสนับสนุน 8 พรรคร่วมฯ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ส่วนใหญ่ให้ความเห็นตามโซเชียลมีเดีย ก็เห็นว่ารอได้ ดังนั้นจึงเป็นฉันทามติว่ารอได้

“10 เดือนเนี่ย เชื่อผมไหมว่าหากเรามุ่งมั่น ตั้งใจจะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ยืนยันว่า 10 ก็ 10 ผมว่ามันเสร็จก่อน 10 เชื่อผมไหม เพราะอีกฝ่ายเขาก็รู้ว่าเราแข็งอะ สุดท้ายก็จะเกิดการจูงใจให้มีการพูดคุยหารือกัน โดยเข้าใจมากขึ้น ผมว่าถ้าเรายืนยันว่า 10 ก็ 10 มันจะจบก่อน 10 เชื่อผมดิ” นายวิโรจน์ กล่าว

เมื่อถามถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการไม่มีรัฐบาลใหม่ รวมถึงการผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณ ในช่วงสิ้นปี นายวิโรจน์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นมายาคติ และหากเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหายจริง ผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือใคร ตนก็อยากตั้งคำถามนี้เหมือนกัน และเห็นด้วยที่เพื่อน สส.ในอีก 10 พรรคที่มาดีล ให้ 8 พรรมตั้งคำถามนี้ ตนก็เห็นด้วย แต่คุณไม่ควรตั้งคำถามนี้มาที่ 8 พรรคฯ เพราะทั้ง 8 พรรค ได้ทำตามหลักการในระบบรัฐสภา เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนจากการเลือกตั้ง รวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ เป็นไปตามระบบรัฐสภา แต่คนที่ขัดขวางเสียงของประชาชนไม่เคารพหลักการระบบรัฐสภาเลย คือ สว.กลุ่มหนึ่ง

“คำถามนี้ผมจึงเห็นด้วยว่าต้องตั้ง แต่ต้องหันหน้าไปถาม สว. และคนที่ต้องรับผิดชอบคือ สว.นักข่าวก็ควรไปถาม สว. ไม่ใช่มาถามผม เพราะพวกผมถูกหลักการทุกอย่าง ต้องไปถามคนที่ขัดหลักการ เพื่อที่จะรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างไร” นายวิ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ไม่ต้องอ้างว่าจะเกิดความเสียหายจากการบริหารราชการของรัฐบาลรักษาการ ให้ไปดูมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 รัฐบาลรักษาการก็มีอำนาจ และรัฐบาลชุดนี้ผ่านมา 9 ปีก็นำพาประเทศมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะแย่ไปกว่านี้ ดังนั้นรัฐบาลรักษาการมีการจำกัดอำนาจและเป็นการจำกัดอำนาจรัฐบาลที่บริหารประเทศได้แย่ที่สุดก็เป็นเรื่องสมควร และไม่มีผลกระทบอะไรเลยเพราะในโครงการที่ได้อนุมัติไปแล้ว มีงบประมาณผูกพันก็สามารถทำต่อได้ แต่จะมีปัญหาในงบประมาณใหม่ๆ ซึ่งก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ที่รัฐบาลชุดที่ประชาชนรู้สึกว่าแย่ที่สุด จะไม่ผลาญเงินภาษีของประชาชนไปมากกว่านี้ หรือหากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในภาวะฉุกเฉิน ภาวะภัยพิบัติก็สามารถขอต่อ กกต. ได้ตามกฎหมาย คนที่พูดว่ารัฐบาลรักษาการเหมือนรัฐบาลสิ้นสภาพ นายวิโรจน์เห็นว่าเป็นเรื่องมายาคติที่ขู่ให้คนกลัว

ส่วนอีกความคิดหนึ่งที่บอกว่า ต่างชาติจะไม่เข้ามาลงทุน นายวิโรจน์ มองว่า ต่างชาติที่จะลงทุนเขามองในระยะยาวอย่างน้อย 20 ถึง 30 ปี เพราะต้องการลงทุนอย่างมหาศาล เขาต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เขาดูถึงความชอบธรรมการตอบรับและการสนับสนุนจากประชาชน

เกิดเป็นรัฐบาลสลับขั้วขึ้นมา ที่แค่เริ่มต้นก็ทรยศหักหลังประชาชน รัฐบาลแบบนั้นต่อให้มีเสียงข้างมากในสภา แต่เดินออกมาก็เต็มไปด้วยเสียงสาปแช่งของประชาชนจะขับเคลื่อนนโยบายอย่างไร

“สมมุติอยู่ดีๆ ก้าวไกลถอยเลย แล้วจัดตั้งรัฐบาลกเฬวรากอะไรก็ได้ มีขั้วรัฐบาลเดิม ภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นมีเหมือนเดิม เลวร้ายเหมือนเดิม ทุนผูกขาดมีเหมือนเดิม การฮุบสัมปทาน ฮุบทรัพยากรของประเทศไว้ให้กับกลุ่มอภิสิทธิ์ชน เครือข่ายอุปถัมภ์ แล้วมารีดนาทาเร้นกับประชาชนเป็นเหมือนเดิม ค่าพลังงาน ค่าไฟฟ้า ทหารทำตัวเป็นรัฐซ้อนรัฐเหมือนเดิม มีการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนเดิม ผมถามหน่อยว่าประเทศแบบนี้ จะน่าลงทุนตรงไหน” นายวิโรจน์ กล่าว

ดังนั้น นายวิโรจน์ มองว่าต่างชาติไม่ได้มองว่าจะต้องได้รัฐบาลเร็ว แต่เขามองว่าต้องได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และได้รับการยอมรับจากประชาชน มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่ทำให้รัฐบาลบริหารแผ่นดินอย่างโปร่งใสถึงจะน่าลงทุน

Related Posts

Send this to a friend