POLITICS

‘เพื่อไทย’ ยืนยัน ขอตำแหน่งประธานสภาฯ ให้ ‘ก้าวไกล’ ได้นายกฯ

‘เพื่อไทย’ ยืนยัน ขอตำแหน่งประธานสภาฯ ตามสูตร 14+1 ให้ ‘ก้าวไกล’ ได้นายกฯ ส่วน ‘เพื่อไทย’ เป็นประมุขนิติบัญญัติ เชื่อ หากเจรจาไม่สำเร็จ ยังเหลือเวลากลับไปทบทวน

วันนี้ (27 มิ.ย. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรวงทองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวภายหลังการประชุมหารือกับกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรค เรื่อง ตำแหน่งประธานสภา

นพ.ชลน่าน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญในเรื่องตำแหน่งประธานสภา โดยเฉพาะประชาชนต้องการจะเห็นรัฐบาลในฝั่งประชาธิปไตยที่เป็นรัฐบาลของฝั่งประชาชน จากพรรคที่ร่วมจัดตั้งฐบาลทั้ง 8 พรรค โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมีเจตนารมณ์ในการผลักดัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้

นพ.ชลน่าน ระบุต่อว่า ภายหลังจากการประชุมกันได้ข้อสรุปที่ผ่านการพิจารณาในพรรค ทางคณะทำงานและคณะเจรจาได้นำเรื่องเรียนต่อคณะกรรมการบริหารพรรคโดยแนวทางที่ได้นำเสนอกับทางพรรคก้าวไกล สรุปว่าในแนวทางการทำงานร่วมกันในตำแหน่งประธานสภาฯ ทางพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำและพรรคอันดับสอง ซึ่งมีคะแนนต่างกันเพียงแค่ 10 คะแนน ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ได้คือ 14 ที่นั่งเท่ากัน โดยพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร และพรรคเพื่อไทยขอเสนอสูตร 14 + 1 คือตำแหน่งประธานสภาฯ ในฐานะประมุขนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นข้อเสนอเบื้องต้นที่ได้นำเสนอไปทางพรรคก้าวไกลได้รับไปพิจารณาและยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน

ข่าวที่นำเสนอออกไปยังไม่ใช่ข้อยุติในการเจรจา จนกระทั่งมาเป็นประเด็นทำให้พรรคเพื่อไทยนำมาพิจารณาในวันนี้โดยสรุปคือ กรรมการบริหารมีความเห็นว่าควรยืนยันในหลักการ 14 + 1 ซึ่งสมาชิกในพรรคส่วนใหญ่มีความประสงค์และยืนยันว่าขอให้ผู้ที่เจรจาได้รับข้อเสนอของกรรมการบริหารเพื่อไปเจรจาต่อไปในวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย. 66) เวลา 10:00 น. ที่พรรคเพื่อไทย

ด้านนายชูศักดิ์ ระบุว่า จากที่ได้มีการพูดคุยกันเห็นว่าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรสำคัญที่จะควบคุมดูแลรัฐสภา ให้เป็นไปตามความเรียบร้อยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ประธานสภาต้องวางตนเป็นกลาง ทำหน้าที่ตอบสนองความต้องการของสมาชิก และพรรคการเมืองทุกพรรค นอกจากจะต้องดำรงความเป็นกลางแล้ว ยังต้องมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ มีวุฒิภาวะ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย หลังจากที่คณะกรรมการบริหารได้รับทราบข้อมูลในการเจรจากับทางพรรคก้าวไกลโดยใช้สูตร 14 + 1 ที่ประชุมบริหารเห็นว่าสูตรนี้มีความเป็นธรรม เพราะคำนึงถึงความเสมอภาคให้เกียรติซึ่งกันและกัน พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงเห็นว่าควรยืนยันความคิด ในการกำหนดวิธีการคิดหรือสูตรดังกล่าวต่อพรรคก้าวไกลต่อไป

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ยังคงยืนยันเห็นความจำเป็นและให้ความสำคัญกับการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ และเชื่อว่าการมีประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทย จะทำให้สภาเดินหน้าทำหน้าที่ในรัฐสภาได้ราบรื่น เรียบร้อย ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งยังไม่ใช่มติของพรรค แต่เป็นเพียงข้อเสนอ ความเห็นส่วนใหญ่ของ ส.ส. ในพรรค และคณะกรรมาธิการบริหาร ย้ำว่ายังไม่ได้ลงมติในที่ประชุม เป็นเพียงการแสดงความเห็นและแจ้งให้คณะผู้เจรจาทราบต่อไป

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในการเจรจาข้อเสนอนี้ ยังไม่มีการตอบกลับมา มีแต่การตอบกลับผ่านทางโซเชียลมีเดีย และครั้งที่แล้วได้ชี้แจงไปแล้วว่า หลังจากที่ กกต. ได้ประกาศผลรับรอง ส.ส. เรียบร้อยควรมีจุดเริ่มต้นในการเจรจาเรื่องนี้ให้จบทั้งกระบวนการ คาดหวังว่าการคุยกัน จะให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใช้เหตุและผล ช่วยกันจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยร่วมกันให้สำเร็จ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์พี่น้องประชาชน ยังไม่อยากคิดไปว่าจะเจรจาไม่สำเร็จ หากคิดแบบนั้นจะบั่นทอนความร่วมมือกันมากกว่า และถ้าเจรจาไม่เรียบร้อยก็ยังคงเหลือเวลาในการเจรจากัน ส่วนถ้าหากว่าไม่ยอม ต่างฝ่ายกลับไปทบทวน พร้อมยืนยันว่าจะหาข้อยุติได้ทันก่อนการเปิดประชุมสภาในวันที่ 4 ก.ค. นี้แน่นอน

ส่วนรายชื่อตำแหน่งประธานสภานั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ก็ต้องรอก่อนให้ได้ข้อสรุป ทำทีละขั้นตอนยังไม่รู้เลยว่าพรรคใดจะได้เป็นประธานสภาฯ เรื่องที่ต้องทำตอนนี้ คือตกลงกันให้ได้ก่อนพรรคใดจะได้ พร้อมยืนยันว่าไม่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเสียหาย

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat