‘ณัฐชา’ ลั่น พร้อมโดนสอบ ปม ส.ว. ยื่น กกต. เร่งรัดคำร้อง ‘พิธา’
‘ณัฐชา’ ลั่น พร้อมโดนสอบ ปม ส.ว. ยื่น กกต. เร่งรัดคำร้อง ‘พิธา’ เผยต่อสู้กับกาลเวลาไม่มีวันชนะ และต้องพร้อมรับผลที่ตามมา ขออย่านำชื่อเสียงเกียรติยศมาแลก
วันนี้ (27 มิ.ย. 66) นายณัฐชา บุญไชยอินทร์สวัสดิ์ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ว. ได้นัดหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พรุ่งนี้ (28 มิ.ย. 66) เรื่องเร่งรัดคำร้องของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า หากวุฒิสภาเห็นว่าเป็นการตรวจสอบ ก็พร้อมโดนตรวจสอบอยู่แล้ว เชื่อว่ามันไม่ใช่เสียงของวุฒิสภาทั้งหมด เพราะในฝั่งสมาชิกวุฒิสภาเองอาจมีเสียงที่แตกต่างหลากหลายออกไป ตนเชื่อและเคารพการตัดสินใจของสมาชิกวุฒิสภาแต่ละท่าน ว่าวันนี้เสียงของพี่น้องประชาชนแสดงออกให้เห็นแล้วว่า ในระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งมา ประชาชนได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลกว่า 14 ล้านเสียง
แม้กระทั่งเสียงในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเอง ก็มีผู้สนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งแล้วกว่า 312 เสียง โดยปกติแล้วระบอบประชาธิปไตย ควรได้รับฉันทามติในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนสมาชิกวุฒิสภาในกรอบกฎหมายนี้ จะตัดสินใจอย่างไรก็แล้วแต่
ส่วนที่จะมีการไปตรวจสอบผ่านกระบวนการต่างๆ ต้องตรวจสอบว่าทำได้ หรือมีช่องทางในการทำหรือไม่ หรือหากทำไม่ได้ แต่มีความพยายามที่อยากจะทำเหมือนเป็นการต่อสู้กับรัฐบาลที่ประชาชนอยากเห็น วันนี้ประเทศไทยช้าไม่ได้แม้แต่วันเดียว ไม่สามารถถอยหลังต่อไปได้แล้ว เราจะเห็นว่า เป็นการสู้กันรายวันระหว่างประชาชนที่อยากเห็นประเทศไทยไปข้างหน้า กับกลุ่มอำนาจเก่าที่มาฉุดรั้งและดึงประเทศไทยกลับไปข้างหลัง ซึ่งตนคิดว่าหากต่อสู้กับเวลา อย่างไรก็ต่อสู้ไม่ได้ สิ่งที่ทำจะส่งผลต่ออนาคต หากท่านคิดไม่ดีแล้ว พี่น้องประชาชนต้องได้รับผลจากการกระทำของท่าน
เมื่อถามว่าการที่ ส.ว.ไปพบ กกต.ในวันพรุ่งนี้ ดูเป็นการกระทำที่เกินอำนาจของ ส.ว.หรือไม่ นายณัฐชา ระบุว่า ในส่วนที่ตัดสินใจทำลงไปย่อมมีผลกระทบตามมา ผลกระทบอย่างแรกคือทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่า สุดท้ายแล้วองค์กรของท่านเห็นความสำคัญของเสียงสนับสนุนของประชาชนหรือไม่ จึงอยากให้ทำในกรอบของกฎหมายเพื่อไม่ส่งผลอะไรต่อท่านในอนาคตอีก
ส่วนกรณีที่เกณฑ์การตัดสินใจโหวตของ ส.ว. ในครั้งนี้อาจจะไม่เหมือนเดิม เพราะมีเรื่องของ ม.112 เข้ามาด้วย นายณัฐชา มองว่า เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือของตัวท่านเอง การเลือกตั้งครั้งหนึ่งมีเสียง ส.ส. เกินครึ่งหนึ่งจะโหวตให้ เมื่อปี 2562 แต่พอเวลาผ่านไปได้เสียงเกินครึ่งแล้ว กลับกลืนน้ำลายตัวเองและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ซึ่งมองว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อแรงศรัทธาของตัวท่านเอง รวมถึงแรงศรัทธาต่อระบบ และประชาชนที่มอง ส.ว.หลายคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่ง ส.ว.หลายคน ก็ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นแต่อย่างใด ซึ่งอาจเป็นเสียงที่แตกต่างก็ได้
“…ท่านสร้างคุณงามความดีตลอดระยะเวลายาวนานจนมาถึงช่วงนี้ แต่สุดท้ายมากระทำเพื่อต่อสู้เพียงเพราะไม่อยากรับเสียงของพี่น้องประชาชนที่โหวตมาแล้ว…” นายณัฐชา กล่าว
ส่วนวันนี้ได้เดินทางขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ จ.สมุทรสงคราม และต่อเนื่องมาถึง จ.สมุทรสาคร และพบกับพี่น้องชาวประมง ซึ่งก็ได้รับเสียงสะท้อนกลับมาว่า “หยุดแม้แต่วันเดียวไม่ได้ รอรัฐบาลจัดตั้งช้าไปวันเดียว ณ วันนี้กำลังมีคนอดจริงๆ มีคนกำลังหิว มีคนกำลังรอคอยความหวัง และใช้ระบบกติกาตามระบอบประชาธิปไตย แต่วันนี้กลับต้องมาสิ้นหวัง เพราะมีกระบวนการมาเตะสกัดวางกับดักให้ประชาชนต้องหมดหวังอีกครั้ง”
มองว่า เราต่อสู้กับความรู้สึกของประชาชน แต่ทำลายความรู้สึกของคนในชาติเกินไป สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลต่อตัวท่านเองในอนาคต เมื่อถามว่ามั่นใจว่า เสียง ส.ว. จะเพียงพอต่อการโหวตให้นายพิธา หรือไม่ นายณัฐชาบอกว่า ด้วยระบบประชาธิปไตย เสียงสนับสนุน สส เกินกึ่งหนึ่งแล้ว เชื่อว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนในช่วงโค้งสุดท้าย ให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และอยากให้ประชาชนเคารพในกติกา แล้วทุกครั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็บอกว่า สู้กันตามกติกา แม้ว่ากติกานั้นจะเป็นใครเขียนก็ตาม วันนี้เราสู้ตามกติกาและชนะตามกติกา เชื่อว่า เสียงสนับสนุนทั้ง 2 สภา จะนำให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้อย่างแน่นอน