‘พิธา’ ชี้ เสียง ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ เพียงพอ
‘พิธา’ ชี้ เสียง ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ เพียงพอ ยันแก้ไข ม.112 ปรับตามบริบทสังคม ขอ อย่าใช้เป็นข้ออ้างโหวตเลือกนายกฯ ปัดตอบ ปม ประธานสภาฯ เผย รอเจรจา ‘เพื่อไทย’ พรุ่งนี้
วันนี้ (27 มิ.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล นำทัพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
นายพิธา กล่าวว่า คราวที่แล้ว 83 ครั้งนี้ 151 คน มากกว่าครั้งที่แล้ว 2 เท่า สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ตัวเลขเยอะน้อย แต่คือการทำงานที่มาความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เหมาะสมกับที่รับเลือกมา มีกฎหมายก้าวหน้าที่สำคัญสำหรับพี่น้องประชาชนในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายสำหรับผู้ที่มีความหลายหลากทางเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่ม SME มีความก้าวหน้ารออยู่ สิ่งที่รอทำในสภาชุดที่แล้วทำ แล้วปัดตกไป ก็จะทำในครั้งนี้ สิ่งที่ต้องทำในหลักนิติบัญญัติให้ทางฝ่ายบริหารสามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลในการเลือกมารายงานตัวในวันที่ 27 มิ.ย. นายพิธา ระบุว่า มีหลายส่วนคือ ก่อนหน้านี้ตนเองติดโควิด จึงมาก่อนหน้านี้ไม่ได้ และวันที่ 27 มิ.ย. ก็มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ชาติไทยพอสมควรจึงเลือกวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ามีความกังวลหรือไม่ หลังจาก ส.ว. หลายท่านออกมาแสดงจุดยืนว่าจะไม่โหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ นายพิธา ระบุว่า ไม่กังวลใจ หลังจากมีโอกาสพูดคุย ก็มีหลายท่านที่มีดุลยพินิจ มีหลักที่ใช้ในการโหวตเลือก อย่างที่ทำไว้ในปี 62 ถ้าในสภาล่างสามารถรวมเสียงได้เกิน 251 เสียง จะฝืนมติของสภาล่าง หรือมติของประชา ชนไม่ได้ ควรยึดในหลักการมากกว่า จึงคิดว่าไม่น่ามีความกังวลอะไร เราพยายามทลายกำแพง สร้างความเข้าใจกันในระหว่าง 2 สภา ซึ่งมีความคืบหน้าขึ้นเรื่อย ๆ และเพียงพอกับการโหวตให้ตนเองเป็นนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ส.ว. หลายคนจะไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ จากนโยบายการแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะมีการลดเพดานหรือปลดล็อกเพื่อรวมเสียงส่วนนี้เข้ามาหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นสิ่งที่เราพูดก่อนการเลือกตั้งในทุกเวทีดีเบต พูดคุยจนตกผลึก และชัดเจนว่า การแก้ไขมาตรา 112 จะเป็นทางออกให้กับสังคมไทย เพราะที่ผ่านมามีการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการรังแกคนเห็นต่าง สิ่งที่เราต้องการคือการแก้ไขให้ตามบริบทของสังคมไทย และไม่ได้เป็นประเด็นที่จะทำให้เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลสะดุดลง ในเมื่อมีข้อมูลหลายฝ่าย อาจทำให้คนเข้าใจผิด แก้ไขก็คือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก หลังจากคุยหลายฝ่ายก็เข้าใจมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากมีการนำเรื่องมาตรา 112 มาเป็นเงื่อนไขในการโหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ จะทำอย่างไร นายพิธา ระบุว่า ถ้าจะมีคงเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ เพราะเหมือนเอาเสียงที่มาจากเสียงของประชาชน มาประทะโดยตรง เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม อันตราย อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง เรามีหลายเรื่องที่เห็นตรงกันอีกเยอะที่ต้องบริหารจัดการ ที่เหลือให้เป็นเรื่องนิติบัญญัติ และรัฐสภา
ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญให้อัยการสูงสุดตรวจสอบรับหรือไม่รับคำร้องเรื่องการเสนอแก้ไขมาตรา 112 นายพิธา ระบุว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจอะไร เป็นการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง เรามีความตั้งใจที่จะรักษาประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งกรอบระยะเวลาจะเกิดก่อนการโหวตนายกฯ จะส่งผลให้เป็นเงื่อนไขในการโหวตนายกฯ หรือไม่นั้น ตนเองก็ได้อธิบายเรื่องนี้อยู่เรื่อย ๆ และคงไม่ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการฝืนมติสภาล่าง
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องตำแหน่งประธานสภา ที่จะมีการพูดคุยกับทางพรรคเพื่อไทย นายพิธา ระบุว่า ต้องรอประชุมกับทางพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้ และจะมีการแถลงข่าวร่วมกัน












