‘วราวุธ’ กั๊กทิศทาง โหวตประธานสภาฯ บอก รอถกภายในพรรค มอง ต้องคุมเกมได้
วันนี้ (27 มิ.ย. 66) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการเตรียมตัวของพรรคก่อนเปิดประชุมสภาฯ ว่าในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ทั้ง 11 คน ก็จะไปรายงานตัวที่สภาฯ ส่วนแนวทางการโหวตประธานสภาฯของพรรค จะไปทิศทางใดนั้นจะมีการหารือกันก่อนเปิดประชุมสภาฯ เพื่อหารือถึงการโหวตแคนดิเดตในตำแหน่งต่างๆ
เมื่อถามว่า หลักการของพรรคจะต้องโหวตให้พรรคอันดับ 1 หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องฟังความเห็นที่หลากหลายภายในพรรค เพราะปัจจุบันก็มีอยู่หลายแนวทาง อาทิ การทำงาน ประสบการณ์ ศักยภาพในการควบคุมของประธานสภาฯ เพราะ 3-4 ที่ผ่านมา ประชาชนคงเห็นในการประชุมสภาฯ ศักยภาพในการควบคุมการประชุมเป็นสิ่งสำคัญของผู้ที่จะต้องมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ส่วนจะเป็นใครก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่ขอยืนยันว่าเราต้องหาคนที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ต้องเป็นประธานรัฐสภาด้วย
เมื่อถามว่า เรื่องการโหวตจะให้เป็นมติพรรคหรือว่าฟรีโหวต นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะ การเลือกตั้งเป็นการลงคะแนนลับ ฉะนั้นพรรคก็ต้องหารือกันก่อนเพื่อฟังความเห็นของคนภายในพรรค
เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อของขั้วรัฐบาลเก่า จะมีการพิจารณาเป็นพิเศษหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คงไม่พิเศษ คงดูเรื่องคุณสมบัติและความเหมาะสมมากกว่า ส่วนการพูดคุยกับพรรคร่วม ตนคิดว่าหลังมีวันกำหนดและมีแคนดิเดตที่แน่นอน เราคงยกหูโทรศัพท์คุยกัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีชื่อของพรรคชาติไทยพัฒนา อยู่ในสูตรการผลิกขั้วตั้งรัฐบาล นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายกระแส ข่าวลือหรือข่าวปล่อยที่มีมากมาย ประชาชนก็ควรฟังหูไว้หู ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง ขอให้ประชาชนอย่าพึ่งมั่นใจอะไร 100% ตามที่ได้อ่านข่าวในแพลตฟอร์มต่างๆ เพราะเราไม่รู้เลยว่าแหล่งข่าวมาจากไหน
เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนาพร้อมที่จะทำพร้อมที่จะทำงานกับพรรคฝ่ายค้านเดิมหรือฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ย้ำว่าตนได้พูดไปแล้ว ซึ่งจุดยืนยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อถามถึงกระแสการซื้องูเห่าในช่วงนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาซื้อผมเลย และเราก็ยังไม่ติดต่อซื้อใครด้วย โดยระบุว่า การเมืองแต่ละยุคก็มีวิวัฒนาการที่แตกต่างกันไป 4 ปีที่ผ่านมาก็ได้เห็นนวัตกรรมทางการเมืองมากมาย และเชื่อว่าสภาฯ ยุคต่อไปก็จะมีเช่นกัน ฉะนั้นอะไรที่ควรหรือไม่ควรก็อยู่ที่จรรยาบรรณของ ส.ส. ส่วนจะเกิดสิ่งใดนั้นตนไม่สามารถตอบแทนได้ แต่ตนคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะมี