POLITICS

‘สุทิน’ เร่งแก้กฎหมาย หนุนเอกชนไทยขายอาวุธนำรายได้เข้าประเทศ

‘สุทิน’ เร่งแก้กฎหมาย สนับสนุนเอกชนไทยขายอาวุธนำรายได้เข้าประเทศ หนุนกองทัพจัดซื้ออาวุธในประเทศ ยอมรับงบประมาณ ปี 68 กองทัพจัดซื้ออาวุธจำนวนมาก เหตุยุทธโทปกรณ์หลายประเภทหมดอายุ

วันนี้ (27 พ.ค. 67) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีส่งมอบรถยานเกราะล้อยางแบบ 4×4 จำนวน 10 คัน และอาวุธปืนเล็กสั้น อาวุธปืนพก จำนวน 230 กระบอก ให้กับเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย เพื่อให้นำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพว่า เป็นการช่วยให้ประเทศเดินหน้าในเรื่องความมั่นคงของประเทศและนำรายได้ทางด้านยุทโธปกรณ์เข้าสู่ประเทศ

นายสุทิน กล่าวว่า การส่งมอบในครั้งนี้ถือเป็นเพียงล็อตแรกที่ได้ร่วมกันระหว่างสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศและ ราชอาณาจักรภูฏาน โดยระหว่างอาจจะมีเพิ่มเติม ซึ่งสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศยังเจรจากับอีกหลายประเทศด้วย โดยเฉพาะในอาเซียน คาดว่าจะจบการประสานงานในเร็ว ๆ นี้ เชื่อว่าจะมีการขายอาวุธได้อีกเป็นจำนวนมาก ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี

ส่วนการปรับแก้กฎหมายเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนผลิตอาวุธออกขาย นายสุทิน กล่าวว่า ได้ตั้งคณะทำงานตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมผลักดันให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศก้าวหน้า ซึ่งผลการศึกษาจำเป็นต้องมีการแก้กฎหมายหลายฉบับ อย่างน้อยคือเรื่องเกี่ยวกับภาษี เพราะขณะนี้เอกชนไทยยังเสียเปรียบต่างประเทศอยู่ เนื่องจากการนำชิ้นส่วนเข้ามาผลิตต้องเสียภาษีมากกว่าการนำยุทโธปกรณ์ที่ผลิตเสร็จแล้วเข้ามา ดังนั้นต้องแก้ไขกฎหมายควบคุมอาวุธและการส่งออกอาวุธ

อย่างไรก็ตาม คณะทำงานก็เตรียมประชุมเพิ่มเติมในเรื่องของการแก้ไขกฎหมาย เพื่อผลักดันให้ทันการประชุมสภาในสมัยการประชุมนี้ รวมถึงผลักดันพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฎิบัติภารกิจและส่งเสริมให้เอกชนทำงานคล่องตัวไปพร้อมกัน

นายสุทิน ย้ำว่าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นหนึ่งใน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล หากส่งเสริมให้เอกชนมีความแข็งแรงก็จะเกิดความมั่นคงทางด้านอาวุธของไทย หากเกิดเหตุการณ์ใดก็ไม่ต้องพะวง ที่สำคัญประหยัดในการจ่ายเงินออกนอกประเทศ เชื่อมั่นในภาคเอกชนไทยที่มีความสามารถ นอจกากนี้ ไทยยังร่วมมือกับอีกหลายประเทศจากสองสัปดาห์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีไปฝรั่งเศสซึ่งมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดร่วมทีมไปด้วย มีเอกชนไทยร่วมทำเอ็มโอยูกับฝรั่งเศส ก็เป็นอีกด้านหนึ่งในการส่งเสริมเรื่องของการขาย

ส่วนกรณีที่เหล่าทัพจัดซื้ออาวุธในประเทศน้อยมาก นายสุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องเริ่มทำโดยคณะทำงานของกระทรวงกลาโหมได้เสนอมาว่าอย่างน้อยอาวุธใดที่ผลิตได้เองในประเทศ กองทัพก็ควรจะจัดซื้อในประเทศก่อน จากการตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีและสภากลาโหมเดิมได้พูดคุยไว้แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริง ก็จะริเริ่มในปี 2568 บังคับใช้อย่างจริงจัง และเชื่อว่าเหล่าทัพจะไม่ขัดข้องที่จะซื้ออาวุธในประเทศ แต่จะเปลี่ยนแบบทันทีคงเป็นเรื่องยากต้องไต่ระดับไปเรื่อย ๆ

สำหรับภาพรวมการจัดซื้ออาวุธในปี 2568 นายสุทิน ยอมรับว่า มีการจัดซื้อจำนวนมาก เพราะเป็นเหตุบังเอิญยุทธโทปกรณ์หลายประเภทหมดอายุจึงต้องจัดหาใหม่ในช่วงนี้พอดี เช่น เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศซึ่งจะหมดอายุในปี 2570 ต้องเตรียมการจัดซื้อล่วงหน้า ส่วนรายการใดที่ใช้ในประเทศได้ก็จะดำเนินการจัดซื้อในประเทศ

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat