POLITICS

8 พรรคการเมือง ประชันนโยบายต่างประเทศ ย้ำไทยต้องมีศักดิ์ศรีบนเวทีโลก-อยู่บนหลักสิทธิมนุษยชน

Nation World News สำนักข่าวเนชั่น ร่วมกับคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเวทีดีเบต ‘รัฐบาลใหม่’ ไทยอยู่จุดไหนในในเวทีโลก? ประชันวิสัยทัศน์ด้านนโยบาบต่างประเทศของตัวแทนพรรคการเมือง ร่วมดีเบตโดย นพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายเกียรติ สิทธีอมร คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ และ นายกัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรม นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศพรรคไทยสร้างไทย นายวรวีย์ มะกูดี รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ และ นายอับดุลเราะห์มาน มอ รอ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 7 สงขลาพรรคประชาชาติ นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และ นางสาวพลอยพนัส โจววณิชย์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ

นายปิติพงศ์ พรรคเป็นธรรม ระบุว่า นโยบายต่างประเทศของพรรคเป็นธรรม เน้นที่ประชาชนเป็นหลักและจะนำประเทศสู่สากลด้วยมวลชนทุกเพศวัย นโยบายต่างประเทศของพรรคเป็นธรรมตั้งอยู่กับหลักการ SPEED ซึ่งครอบคลุมมิติทางด้านการเมือง ประชาชน เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และประชาธิปไตย

นายกัณวีร์ พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเปลี่ยนนโยบายทางการฑูตจากที่เคยดำเนินการแบบอนุรักษ์นิยมโดยต้องคำนึงถึงมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนและจำเป็นที่จะต้องแสวงหาความเป็นผู้นำในกรอบของพหุภาคี เรียนรู้เรื่องของการบริหารจัดการเรื่องผู้ลี้ภัย เปลี่ยนท่าทีจากการคุมขังหรือผักดันกลับเป็นการให้ความช่วยเหลือ โดยจำเป็นต้องเรียนรู้และถอดบทเรียนจากสถานการณ์ในสงครามรัสเซียและยูเครนออกมาเป็นนโยบายทางด้านการฑูตของไทย หากประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือด้านเหล่านี้ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจากประเทศต่าง ๆ เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพื่อความน่าเชื่อของประเทศ จึงเน้นย้ำว่า ต้องเน้นภาคประชาสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคเป็นธรรมเน้นสามสาขา คือ 1. ยกระดับการเจรจรา 2. ต้องยุบ กอ.รมน. ยกเลิกกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3. ให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงออกอย่างแท้จริง

นายวรวีร์ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า หากได้เป็นรัฐบาล จะผลักดันความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง โดยประเทศไทยต้องวางตัวเป็นกลาง พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยสู่ประชาคมโลกโดยตลาดฮาลาลเป็นตลาดใหญ่ของโลก เนื่องจากประชากรมุสลิมมีอัตราส่วนหนึ่งในสี่ของประชากรโลก ดังนั้นอุตสาหกรรมฮาลาลจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย นอกจากนั้นยังมีนโยบายในการโปรโมทการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมถึงเน้นการสร้างคนที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจแบบญี่ปุ่นหรือเยอรมนี

นายวรวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจามีประโยชน์อย่างมากในการสร้างความสงบสุขโดยเฉพาะพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องเน้นการพูดคุยในภาคประชาชนทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิม รวมถึงเด็กและสตรี ให้องค์การระหว่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งนี้ ย้ำว่าการแบ่งแยกดินแดนนั้นมีแต่ความแค้นต่อภาครัฐ ซึ่งการเจรจาจะเป็นทางออก

นายวรนัยน์ พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ไทยต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน ต้องมีกระดูกสันหลังโดยเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจายุติสงครามไม่ว่าจะเป็นกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือสงครามในเมียนมา ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทางภูมิเศรษฐศาสตร์ของประเทศโดยต้องคำนึงถึงดุลการค้า ซึ่งหากไทยจะไปสู่การมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ต้องมีผู้นำที่สามารถผลักดันเศรษฐกิจและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยไปสู่ระดับโลกได้ สาเหตุที่ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจแข่งขันกับประเทศอื่นได้ คือความล้าหลังจากการรัฐประหาร ฉะนั้นต้องมีการรื้อโครงสร้างของประเทศเพื่อนำไปสู่การเป็น Creative Economy เพื่อส่งออกวัฒนธรรมไทย

นางสาวพลอยพนัส พรรคเพื่อชาติ ระบุว่า นโยบายการต่างประเทศของพรรคยึดหลัก Inside Out และ Outside in สอดคล้องกับนโยบายในประเทศของพรรคที่เน้นสี่เสาหลักคือ การเกษตร การท่องเที่ยว SME และ Creative economy รวมถึงการร่วมมือกับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเขตมรสุมในการผลิตและส่งออกอาหาร อีกทั้งความร่วมมือในด้านการเกษตร ซี่งจะเป็น Soft Power ของไทย ทั้งนี้พรรคเพื่อชาติอาสาเป็นแกนนำในการผลักดันเรื่องความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหาเรื่องฝุ่นควันและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ต้องผลักดันไปถึงสหประชาชาติ เพื่อสร้างสันติภาพให้กับโลกพรรคเพื่อชาติมีนโยบายเรื่องการไม่แทรกแซงซึ่งเป็นไปตามหลักการสากล โดยที่ผ่านมารัฐบาลมีท่าทีไม่ชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ แต่พรรคเพื่อชาติยืนยันว่าประเทศไทยต้องต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของคนในประเทศ และหากพรรคเพื่อชาติเป็นรัฐบาลจะนำจุดแข็งของไทยไปต่อยอดโดยทำให้ไทยกลายเป็นแหล่งอาหารโลก เรียกสิ่งนี้ว่า ‘การปฏิวัติเขียว’ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและวัตถุดิบเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารได้โดยที่ไม่ผูกมัดกับกลุ่มทุนบางกลุ่ม

นายเกียรติ พรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่า การอยู่ในโลกต้องมีเกียรติและศักดิ์ศรี ต้องทันเกมมหาอำนาจ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของพรรค คือ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ โดยใช้ FTA (เขตการค้าเสรี) สร้างเงิน ใช้หลักการ Health Education (การสร้างเสริมสุขภาพ) ในการสร้างคนและยึกหลักประชาธิปไตยอันมีกระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในการสร้างชาติ โดยประชาธิปัตย์จะดำเนินการฑูตเชิงรุกเพื่อให้ไทยมีเกียรติและศักดิ์ศรีบนเวทีโลก ทั้งนี้หากได้เป็นรัฐบาลจะปรับโครงสร้างภายในเพื่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจและทำให้สินค้าไทยมีคุณภาพ โดยการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าส่งออกของไทย ซึ่งประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกได้แทนการส่งออกข้าวเป็นกระสอบที่กำไรน้อยกว่ามาก

นายนพดล พรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีนโยบายต่างประเทศ 5 ข้อ 1. นโยบายต่างประเทศเชิงรุก 2. เพิ่มพูนบทบาทของไทยในเวทีโลก 3. กอบกู้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของไทยกลับคืนมา 4. นโยบายต่างประเทศกินได้ 5. ยึดผลประโยชน์แห่งชาติเป็นหลัก โดยต้องอยู่บนหลักของปฏิญญาสิทธิมนุษยชนและกฎบัตรสหประชาชาติ

นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยต้องหาแหล่งพลังงานเพิ่ม โดยเจรจาพัฒนาแหล่งพลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลไทยกัมพูชา รวมถึงสร้างรายได้โดยพลิกฟื้นประมงไทย ต้องเปิดเจรจากับ IUU และสหภาพยุโรป รวมถึงต้องประสานความร่วมมือกับมิตรประเทศในการแก้ปัญหาใหม่ เช่น วิกฤตโลกร้อน PM 2.5 อาชญากรรมไซเบอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดยการทำให้ระบบยุติธรรมของประเทศตรวจสอบได้โดยประชาชนใช้อำนาจอธิปไตยจากประชาชนนั่นหมายความว่าการรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนต้องควบคู่ไปกับการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดย ส.ส.ร. ที่มาจากประชาชน” นายนพดล กล่าว

นางสาวพรรณิการ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ระบุว่า นโยบายต่างประเทศของพรรคก้าวไกลตั้งอยู่บนหลักการนโยบายต่างประเทศเพื่อราษฎร ซึ่งเน้นการยึดมั่นบนหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนโดยไม่โอนอ่อนตามมหาอำนาจ เพื่อสร้างการเจรจาที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลกับทุกฝ่ายและสร้างพลังต่อรองในเวทีระหว่างประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและสหภาพยุโรปที่ต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นในด้านสิ่งแวดล้อมหรือด้านการเมือง โดยประเทศไทยต้องอยู่บนเวทีระหว่างประเทศอย่างมีศักดิ์ศรี

“ไทยจะต้องมีท่าทีที่ชัดเจนในกรณีรัสเซีย-ยูเครนและเมียนมา โดยต้องยึดหลักการว่าไม่ควรมีชาติใดสามารถรุกรานชาติอื่นได้ซึ่งจะนำไปสู่ความมีศักยภาพในการเจรจาต่อรองในเวทีโลกและคุ้มครองสวัสดิภาพของคนไทย” นางสาวพรรณิการ์ กล่าว

นายโภคิน พรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า มีนโยบายให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของอาหาร สุขภาพ การท่องเที่ยว และคมนาคมและการขนส่ง ซึ่งต้องพิจารณาในการพัฒนาคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ เช่น การขุดคูคลอง การสัญจรโดยรถไฟ เป็นต้น รวมถึงต้องมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้ประเทศไทยโดดเด่นมากกว่าการทำตามมหาอำนาจ

“นโยบายต่างประเทศของไทยจะต้องไม่ส่งเสริมการเมืองสองขั้วและต้องยึดตามกติการะหว่างประเทศ นอกจากนั้นประเทศไทยต้องสร้างคนเพราะที่ผ่านมาเรายึดติดอยู่กับระบบอำนาจนิยมโดยที่ประชาชนไม่มีโอกาสเข้าถึงเงินทุนและองค์ความรู้ ดังนั้นต้องมีการปรับโครงสร้างเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึง” นายโภคิน กล่าว

สำหรับการเจรจาสันติภาพสามจังหวัดใช้แดนใต้ นายโภคิน มองว่าเป็นปัญหาภายใน ต้องยกเลิกกฎอัยการศึกโดยส่งเสริมบทบาทของสตรี มองความหลากหลาย รวมทั้งต้องถอนทหารออกจากพื้นที่และต้องมีการเยี่ยมเยียนอย่างจริงใจ

Related Posts

Send this to a friend