‘จุลพันธ์’ เผย ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คาดเงินสะพัดหลักแสนล้าน
‘จุลพันธ์’ เผย ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คาดเงินสะพัดหลักแสนล้าน หวังดึงเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจไทย ยังถกคัดกรองเข้ากาสิโนขั้นต่ำ 50 ล้าน
วันนี้ (27 มี.ค. 68) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกับร่างที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการแก้ไข ทางกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ก็เห็นชอบและได้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. และทำการประชาพิจารณ์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 15 มีนาคม และส่งเรื่องมาที่ ครม. ประมาณสัปดาห์ที่แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะส่งเป็นเรื่องด่วนที่สภาผู้แทนราษฎร (สส.) เพื่อให้บรรจุวาระและพิจารณารับหลักการเพื่อที่จะตั้งคณะกรรมาธิการต่อไป
ตัวพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรมีการปรับร่าง โดยเฉพาะในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการแก้ไขที่เป็นประโยชน์ หลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องของการกำกับควบคุมการกำหนดโทษและการดูแลโดยเฉพาะในเรื่องของการพนัน พร้อมกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์มหาศาลกับประเทศ เม็ดเงินที่จะได้รับในการลงทุนต่อจุดไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท รวมไปถึงเม็ดเงินที่รัฐบาลจะได้รับ ในรูปแบบของภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เม็ดเงินที่ประชาชนจะได้รับจากผลเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งการจ้างงาน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของกาสิโน แต่เป็นเรื่องของการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรที่มีขนาดใหญ่และเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ต่างประเทศเริ่มทำและให้การยอมรับ วันนี้เรามองภาพประเทศไทยในอนาคตและวาดฝันไว้ได้เลยว่าจะมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกเพิ่มมากขึ้น
การลงทุนขนาดใหญ่ ที่ให้ภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในรูปแบบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เราจะมีจุดดึงดูดใหม่ที่จะสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้ง MICE ทั้ง OTOP ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินให้กับประชาชน พร้อมระบุว่านี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าการลงทุนให้กับประเทศ เดินหน้าธุรกิจท่องเที่ยว สร้างจุดเปลี่ยน ดึงการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้ประเทศไทย ร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จึงได้ผ่านความเห็นจาก ครม.
กรณีเงื่อนไขการคัดกรองผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการในกาสิโน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดให้ต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารอย่างน้อย 50 ล้านบาท ประเด็นนี้ยังมีข้อถกเถียงกันกว้างขวาง เพราะอาจขัดกับวัตถุประสงค์ของการมีกาสิโนอยู่พอสมควรเนื่องจากรัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาการพนันนอกระบบที่ผิดกฎหมาย หากกำหนดจำนวนเงินในบัญชีไว้สูงมากถึง 50 ล้านบาท จะยิ่งทำให้เป็นการผลักคนส่วนใหญ่อีกกว่า 60 ล้านคน กลับไปสู่การพนันที่ผิดกฎหมาย เพราะปัจจุบันมีข้อมูลว่าคนไทยที่มีเงินในบัญชีเกิน 50 ล้านบาท มีเพียงหมื่นกว่าคนเท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้คงต้องไปถกกันในชั้นกรรมาธิการต่อไป
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรามองข้อเท็จจริงว่าคนไทยยังมีการไปเล่นพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน ในบ่อนที่ผิดกฎหมาย แม้เราจะกวดขันจับกุมอย่างเข้มงวด แต่ต้องยอมรับว่ายังมีอยู่ กลไกนี้จะเป็นการดึงเขากลับมาในระบบ โดยที่เราสามารถติดตาม กำกับดูแลประชาชนในกลุ่มนี้ได้ต่อไป ไม่ได้หมายความว่าเรามีหรือไม่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แล้วการพนันผิดกฎหมายจะไม่มีเลย เราจึงต้องสร้างกลไกที่จะดึงเขากลับมา
ส่วนการเยียวยามีในรูปของกฎหมายอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของกองทุน เพราะในพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ (พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง) ระบุว่าไม่สามารถตั้งกองทุนที่มีวัตถุประสงค์ซ้ำซ้อนกัน นี่เป็นอีกประเด็นที่สภาต้องไปคุยกันว่าจะให้ผ่านด่านนี้ได้อย่างไร
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า หากในอนาคตร่างพระราชบัญการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรผ่านความเห็นชอบจากสภาก็จะต้องมีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรขึ้นตามกฎหมาย โดยมีคณะกรรมการ 2 ส่วนประกอบด้วย คณะกรรมการฝ่ายนโยบาย และคณะกรรมการฝ่ายบริหาร ซึ่งการจะตั้งสถานบันเทิงครบวงจรในพื้นที่ใดนั้น จะต้องเริ่มต้นในการศึกษาความคุ้มค่าของแต่ละพื้นที่ก่อน ว่าในประเทศไทยควรมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กี่แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ใดบ้างที่มีศักยภาพ และแต่ละพื้นที่ควรมีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้าง
เมื่อได้ผลการศึกษาออกมาแล้ว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็จะทำหน้าที่ออก TOR ผู้สนใจซึ่งเป็นผู้ลงทุนต้องไปจัดตั้งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เช่น ส่วนหนึ่งอาจถนัดโรงแรม อีกส่วนอาจถนัดเรื่องอาหาร อีกส่วนอาจถนัดห้างสรรพสินค้า สวนสนุก แล้วนำมาเสนอคณะกรรมการ ซึ่งจะมีเกณฑ์ที่โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อให้ทุกคนสามารถนำเสนอได้ และต้องพิจารณาในเรื่องความเหมาะสมทุกประการ ทั้งพื้นฐานของบริษัท ประสบการณ์
สุดท้ายนี้ สิ่งที่นำเสนอจะมาเป็นจุดเปลี่ยนให้กับประเทศไทยได้จริงหรือไม่ จะสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้น ดึงดูดนักลงทุน นกท่องเที่ยวได้จริงหรือไม่ และมีประวัติเป็นทุนสีเทาหรือไม่ มีประวัติฟอกเงิน ค้ามนุษย์หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราต้องดูให้ครบถ้วน รอบคอบ รัดกุมที่สุด จากนั้นจึงจะมีการวินิจฉัยให้คะแนนอย่างที่ทุกคนตรวจสอบได้ จึงจะมีผู้ลงทุนที่ได้รับใบอนุญาตต่อไป