POLITICS

‘อมรัตน์’ ยืนยันไม่ลงสมัคร ส.ส. อีกสมัยหน้าขยับไปทำงานเบื้องหลังในพรรค

‘อมรัตน์’ ยืนยันไม่ลงสมัคร ส.ส.อีกในสมัยหน้า ต้องรู้จักสลับบทบาทเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ที่มี passion ดีๆเข้ามาทำงาน พร้อมขยับไปทำงานเบื้องหลังในพรรคก้าวไกล

วันนี้ (26 ส.ค. 65) ส.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ ส.ส.เจี๊ยบ เปิดใจกับผู้สื่อข่าว The Reporters หลังมีกระแสข่าวว่าจะไม่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยืนยันว่าไม่มีแรงจูงใจให้เป็นนักการเมือง เปรียบการเมืองเหมือนโรงละครต้องรู้จักสลับบทบาทให้คนรุ่นใหม่ที่มีไฟขึ้นมาทำงาน ไม่ใช่กอดตำแหน่งไว้ชั่วลูกชั่วหลาน พร้อมเผยว่าหลังหมดวาระการเป็น ส.ส. จะขยับมาทำงานเบื้องหลังพรรคก้าวไกลแทน เพื่อพัฒนาให้เป็นสถาบันทางการเมืองเพื่อมวลชนต่อไป เพราะเป็นพรรคการเมืองในฝัน อยากให้ประชาชนยังมีความหวังกับรัฐสภาว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้นได้ตามที่ประชาชนต้องการ

อมรัตน์ กล่าวว่า การจะยุติบทบาทการเป็น ส.ส. หลังหมดวาระในรอบนี้ เป็นเรื่องที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก และพูดมานานแล้ว ส่วนตัวมองว่าการเข้ามาในวงการการเมืองเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งในชีวิตเท่านั้น ไม่มี passion จะเป็นนักการเมือง เป็นกิจกรรมที่สนใจในช่วงการเมืองหลังการรัฐประหาร และเคยทำกิจกรรมต้านรัฐประหารมาก่อน เป็นความสนใจเฉพาะกิจ ไม่อยากอยู่ในวงการนี้นานๆเพราะไม่ได้มี passion ในเรื่องการเมืองอื่นๆ

อมรัตน์ เผยจุดเริ่มต้นในการทำงานกับพรรคอนาคตใหม่ เพราะตนรู้จักกับ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล ให้มาช่วยช่วงตั้งพรรคด้วยกัน ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่เป็นผู้คัดสรรผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ และอ.ปิยบุตรชวนให้ลงบัญชีรายชื่อ ตอนนั้นคิดว่าพรรคอนาคตใหม่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่น่าจะเกิน 10 คน ตนเองเป็นลำดับที่ 29 แต่พอผลการเลือกตั้งออกมาพรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อกว่า 50 คน เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย เพราะรู้สึกว่าเป็นก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ แค่รู้สึกว่าอยากทำงานในช่วงที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อจากรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร

ที่ผ่านมาตลอด 4 ปีจะเห็นได้ว่า ส.ส.อมรัตน์ จะทำหน้าที่ส่งเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องทางการเมืองมาโดยตลอด เพราะต้องการยืนยันถึงการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นผู้แทนก็ต้องพูดแทนประชาชน เพราะตนก็เคยเป็นคนธรรมดาที่พูดแล้วไม่มีเสียงดัง เมื่อมีโอกาสได้มาอยู่ในที่ที่พูดแล้วเสียงดังได้จึงอยากพูดแทนทุกคน อยากเป็นนักการเมืองในแบบที่ตนอยากเห็น และได้อยู่ในพรรคการเมืองแบบพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล ที่เป็นเหมือนพรรคการเมืองในฝันที่พูดแทนประชาชนคนตัวเล็ก จึงได้ทำหน้าที่ได้ตามความต้องการ

อมรัตน์ เผยว่า แม้ตนจะไม่ลงสมัครเป็น ส.ส. ในสมัยหน้าแล้ว แต่พรรคก้าวไกลยังจะมีว่าที่ ส.ส.หน้าใหม่อีกเยอะแยะที่จะมาทำหน้าที่แทนได้อย่างดีแน่นอน จะมีน้องนักกิจกรรมที่จะเข้ามาเป็นว่าที่ผู้สมัคร มาทำงานในสภาแทนด้วย

“…เราไม่ได้เป็นคนสำคัญขนาดนั้นหรอกค่ะ ทุกคนก็พูดได้ มีคนตั้งเยอะที่อยากพูดในเรื่องเดียวกัน อยากได้โอกาสนี้ และเป็นการแสดงสปิริตทางการเมืองอย่างหนึ่งด้วย เราไม่ได้มองว่ามันเป็นเกียรติยศ แต่มองว่าเป็นการทำงาน เป็นหน้าที่ เพราะฉะนั้นต้องให้คนอื่นมาทำบ้าง…” อมรัตน์ กล่าว

อมรัตน์ เปิดใจว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาในการเป็น ส.ส. เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ประสบการณ์ที่วิเศษและจะเป็นความทรงจำที่ดีในชีวิต รู้สึกว่าได้ทำอะไรหลายอย่างที่อยากทำไปอย่างเต็มความสามารถแล้ว คิดว่าจะมีคนอื่นๆมารับไม้ต่อ ที่จะทำได้ดีกว่าที่ตนเคยทำได้ด้วยซ้ำ และหลังจากนี้ก็ยังจะช่วยทำงานเบื้องหลังในพรรคก้าวไกล ผลักดันให้เป็นพรรคที่เจริญเติบโต เป็นพรรคของมวลชน พรรคของคนตัวเล็กตัวน้อยอย่างแท้จริง “รักพรรคยิ่งกว่าลูกอีก”

อมรัตน์ กล่าวว่าตนอยากทำให้เป็นตัวอย่างว่ายังมีคนรุ่นใหม่อีกมากมายที่มี passion เป็นเรื่องที่ต้องให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำงานตาม passion ของแต่ละคน

อมรัตน์ ระบุว่า อยากให้ประชาชนยังเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ยังเป็นคำตอบในการเปลี่ยนแปลงการเมืองไปในทางที่ต้องการ กลัวคนจะเบื่อเรื่องสภาล่ม ส.ส.ไม่ทำงาน ทะเลาะกัน อยากหล่อเลี้ยงความหวังของประชาชนต่อสภา ต้องช่วยกันฟูมฟักให้มีพรรคการเมืองดีๆเข้ามา เอาน้ำดีมาไล่น้ำเสียออกไป ซึ่งกว่า 4 ปีที่ผ่านมาการทำงานในสภายืนยันได้ว่าประชาชนยังหวังกับสภาได้ เช่น การที่พรรคก้าวไกลสามารถผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าผ่านสภาได้ คือ พรบ.สมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า กฎหมายป้องกันการซ้อมทรมานและอุ้มหาย เป็นต้น

อมรัตน์ กล่าวว่า ตนรู้สึกภูมิใจที่ต่อไปก็เป็นคนแก่ที่มีเรื่องเล่าให้ลูกหลานฟัง ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนในประวัติศาสตร์ของพรรคการเมือง พร้อมจะใช้ประสบการณ์ในบทบาทอื่นๆต่อไป

“…สำหรับคนที่บอกว่าเสียดาย ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มใจว่าสิ่งที่เราทำ มีคนชอบและชื่นชมกับมัน และอยากเป็นตัวอย่างของการไม่ยึดติดด้วย การทำงานการเมืองต้องเป็นคนที่มี passion มีแรงจูงใจที่จะทำในประเด็นอะไรก็สมัครเข้ามาทำ และมันมี timeline ของมัน เหมือนโรงละครที่มีตัวแสดง ผลัดบทบาทกัน ไม่ใช่ยึดติดแล้วเป็นกันต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน การเมืองควรเป็นเรื่องการเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆเข้ามา…” อมรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณภาพจากเพจ Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

เรื่อง : ทศ ลิ้มสดใส

Related Posts

Send this to a friend