เลขาฯ มท.1 ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา
เลขาฯ มท.1 ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ด้าน ผู้ว่าฯ รายงานสถานการณ์ จ่อเพิ่มศูนย์พักพิง เหตุชาวบ้านอพยพมากขึ้น เผย ของบทำหลุมหลบภัยไปแล้ว แต่ยังไม่ได้
วันนี้ (26 ก.ค. 68) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยมี นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุรินทร์ หน่วยงานความมั่นคง ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
ผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ ได้รายงานสถานการณ์ในพื้นที่ ว่า สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมาสักพัก และได้มีการเตรียมความพร้อมในพื้นที่ส่วนหลัง ซึ่งได้ทำแผนไว้เรียบร้อย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นตลอด 1 สัปดาห์ได้มีการยั่วยุกันมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการที่เจ้าหน้าที่ทหารลาดตระเวนได้เหยียบทุ่นระเบิด ในจังหวัดอุบลราชธานี ก็ทำให้เกิดการประทะกัน สำหรับในพื้นที่ก็มีหลงหลบภัยแต่ไม่เพียงพอ สถานการณ์ครั้งนี้รุนแรงกว่าปี 54 โดยครั้งนั้น จะยิงกันเป็นพัก ๆ ประชาชนก็จะเข้าไปหลบในหลุมหลบภัย แต่เมื่อปลอดภัย ก็จะอพยพออกมา
“เมื่อปี 54 เกิดการยิงไม่นาน ก็สงบ แต่ปีนี้ยิงนานไม่หยุด ซึ่งรุนแรงตั้งแต่วันแรก ครั้งนี้ยิงไกลกว่า จำนวนมากกว่า ความเสียหายก็เกิดขึ้นกับประชาชนเรา” นายชำนาญ กล่าว
นายชำนาญ กล่าวอีกว่า ในวันแรกได้อพยพมาได้ในช่วงเที่ยง ซึ่งจากการปะทะกัน ได้มีพลเรือน และเจ้าหน้าที่เสียชีวิต โดยเมื่อวานนี้ มีกระสุนตกมาในพื้นที่อำเภอที่ไม่ได้ติดกับชายแดน จึงคาดว่ามีการเล็งเป้ามาในพื้นที่แถวหลัง ทำให้เราต้องวางแผนในการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ โดยกำลังวางแผนในส่วนการเพิ่มศูนย์พักพิง เพื่อรองรับประชาชน
นายชำนาญ ยังระบุว่า ในพื้นที่ขณะนี้ชาวบ้านเริ่มไม่สบายใจ บางบ้านไม่อยู่ในแผนเริ่มทยอยอพยพแล้ว ทางเรากำลังหารือกันอยู่ และหากมีการปะทะกันหนัก ก็จะต้องมีการประกาศให้อพยพเพิ่มขึ้น
สำหรับเรื่องหลุมหลบภัย ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้มีการบอกของบประมาณในการสร้างหลุมหลบภัยเพิ่มเติม แต่ตามระเบียบ ไม่ให้สร้างหลุมหลบภัยชนิดใหม่แต่ให้ซ่อมแซมจากส่วนเดิม ซึ่งหากมีการยกเว้นระเบียบส่วนนี้ เราก็นำงบประมาณมาใช้ได้ รวมถึงการให้งบประมาณจังหวัดละ 100 ล้านบาท ก็อยากให้มีระเบียบในการยกเว้นเพื่อนำมาสร้างหลุมหลบภัยเพิ่มเติมเพราะในพื้นที่มีหลุมหลบภัยไม่เพียงพอ และส่วนใหญ่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 54 โดยได้มีการของบประมาณไปแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า













