POLITICS

ทนาย ‘ศักดิ์สยาม’ โต้ ‘ปกรณ์วุฒิ’ หนี้ 38 ล้าน ‘หจก.บุรีเจริญฯ’ เกิดหลังออกจากหุ้นส่วนปี 61

ทนาย ‘ศักดิ์สยาม’ โต้ ‘ปกรณ์วุฒิ’ หนี้ 38 ล้าน ‘หจก.บุรีเจริญฯ’ เกิดขึ้นหลังออกจากหุ้นส่วนตั้งแต่ปี 61 ชี้ ศักดิ์สยามไม่ต้องชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ – ป.ป.ช. อีก เพราะส่งเอกสารไปแล้วกว่า 1,500 หน้า

วันนี้ (26 ก.ค. 66) เวลา 13:30 น. ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายตฤน แก่นหิรัญ ทนายความผู้รับผิดชอบคดีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ชี้แจงกรณี นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เปิดหลักฐานเพิ่มเติม และตั้งข้อสงสัยงบการเงิน ในคดีซุกหุ้น หจก.บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ซึ่งเอกสารนี้นำส่งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

นายตฤน เปิดเผยว่า นายศักดิ์สยาม มีการถือหุ้น และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจนถึงวันที่ 5 ก.พ. 2561 ก่อนลาออก ซึ่งนายศักดิ์สยาม เคยได้ชี้แจงในสภาฯ ไปแล้ว ดังนั้นจึงขาดจากการเป็นหุ้นส่วนตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2561 เป็นต้นไป จึงถือว่าไม่มีหุ้นส่วนแล้ว และเชื่อว่าทางผู้ร้องก็คงทราบเป็นอย่างดี เนื่องจากเอกสารของผู้ร้องมีตัวหนังสือคำขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนฯ และการออจากการเป็นหุ้นส่วนฯ อยู่ครบถ้วน ดังนั้นข้อเท็จจริงจึงชี้ว่า ศักดิ์สยาม ยุติ ขาดจากการเป็นหุ้นส่วน และหุ้นส่วนผู้จัดการตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งเอกสารดังกล่าวประชาชนก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้

ส่วนที่นายปกรณ์วุฒิ ตั้งข้อกล่าวหาที่ว่า นายศักดิ์สยาม ยังมีหนี้คงค้าง 38 ล้านบาทนั้น นายตฤณ กล่าวว่า น่าจะเป็นข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน เพราะการกู้ยืมเงินเกิดขึ้นในช่วงปี 2562 ซึ่งนายศักดิ์สยาม ลาออกไปแล้ว จึงเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลัง อาจเป็นการเข้าใจผิดทั้งผู้ร้อง และนายปกรณ์วุฒิ เพราะฉะนั้นนายศักดิ์สยามไม่ต้องชี้แจงหรืออธิบายต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. เพราะได้ส่งเอกสารหลักฐานไปครบถ้วนแล้ว ถึง 2 แฟ้ม หรือประมาณ 1,500 หน้า ซึ่งมากกว่าเอกสารขอผู้ร้องหนึ่งเท่า ส่วนหนี้ของห้างหุ้นส่วนฯ ดังกล่าว จะเป็นของใคร ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมีหุ้นส่วนผู้จัดการอยู่ 2 ท่าน และไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

Related Posts

Send this to a friend