‘สาทิตย์’ เมิน ‘ธรรมนัส’ แถลงโต้ หลัง ปชป. ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกล้าธรรม
บอก ไม่ขอวิวาทะด้วย แต่เตรียมชี้แจงประเด็นที่ถูกกล่าวหา ลั่น เป็นพรรคการเมืองต้องประกาศจุดยืนให้ชัด ไม่ใช่คลุมเครือ เปรียบปัจจุบันเหมือนยุคพฤษภาทมิฬ ประชาชนต้องการการเมืองสุจริต
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ระบุถึงพรรคประชาธิปัตย์เอาแต่พูดหล่อ ไม่มีผลงานขณะบริหารประเทศว่า การแสดงจุดยืนทางการเมือง เป็นเรื่องที่ทุกพรรคต้องมี
ในสถานการณ์ทางการเมืองที่ความเชื่อมั่นของประชาชนตกต่ำลง เพราะความกังวลเรื่องการเมืองสีเทา ทุกพรรคจึงต้องมีจุดยืน โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนแรกที่ออกมาประกาศจุดยืนทางการเมือง ไม่ทำงานร่วมกับพรรคกล้าธรรมได้ ไม่ได้ประสงค์จะสร้างความขัดแย้ง และไม่ใช่เรื่องที่จะเปิดวิวาทะกับพรรคกล้าธรรม เพียงแต่เป็นจุดยืนที่ทุกพรรคต้องมี ซึ่งพรรคอื่นก็สามารถกำหนดจุดยืนของตัวเองได้ และหากพรรคกล้าธรรมจะประกาศจุดยืนไม่ร่วมทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องที่ต้องโกรธกัน
การที่ ร.อ.ธรรมนัส ตั้งโต๊ะแถลงข่าวยืดยาว สิ่งที่อยากฟังมากคือการชี้แจงเรื่องที่มีความคลุมเครือ และไม่โปร่งใสในการมีสีเทาเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไร แต่มีเพียงคำวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ เช่น เรื่องดีแต่พูด ซึ่งเราพูดแต่เรื่องดี ไม่ใช่ดีแต่พูด จึงไม่ถือเป็นวิวาทะ และไม่ขอตอบโต้อะไร เพราะเตรียมข้อเท็จจริงเอาไว้แล้ว คงต้องชี้แจงต่อสิ่งที่ถูกกล่าวหา เพราะเป็นเรื่องที่เกิดต่างกรรมต่างวาระ และย้อนรอยถอยหลังไป 20-30 ปี
นายสาทิตย์ ยืนยันว่า จุดยืนการไม่ทำงานร่วมกับพรรคกล้าธรรม เป็นมติ และจะเป็นจุดยืนที่ท้าทายอำนาจทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องไม่ใช่สิ่งคลุมเครือ หรือกั๊กไว้เพื่อรอร่วมรัฐบาล แต่จุดยืนที่จะยืนหยัดการเมืองสุจริตจำเป็นจะต้องมีการประกาศ ถือเป็นเรื่องดีที่พรรคประชาชน ซึ่งพูดอั้มอึ้งในตอนแรก ออกมาพูดชัดเจนมากขึ้นว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมเหมือนกัน
ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัส อ้างถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หากไม่มีใครเอาก็จะไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ส่วนตัวก็อยากฟังว่าพรรคภูมิใจไทยจะตอบอย่างไร อีกทั้งการที่ ร.อ. ธรรมนัส ระบุการประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมก่อนการเลือกตั้งเป็นการเสียมารยาททางการเมือง เรื่องนี้ควรต้องแยกกันระหว่างมารยาททางการเมือง กับจุดยืนทางการเมือง การไปบูลลี่คนอื่นว่า ‘ฟันน้ำนมยังไม่หัก’ นั่นแหละคือมารยาททางการเมือง
ส่วนที่พาดพิงว่า การออกมาประกาศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์เป็นเพราะอดีต สส. ย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม มองว่าไม่เป็นประเด็น เพราะ สส.เก่าย้ายไปหลายพรรค ความคิดของหัวหน้าพรรคที่ตัดสินใจจุดยืน ไม่มีเรื่องการเมืองใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีความแค้น เป็นเรื่องปกติที่ต้องประกาศจุดยืนทางการเมือง ขอให้ย้อนกลับไปดูการเมืองยุคปี 2535 พฤษภาทมิฬ ยุคนั้นเรียก ‘เทพมาร’ สถานการณ์ใกล้เคียงกัน เพราะคนต้องการการเมืองสุจริตและต้องปฏิรูป ไม่ต้องการนักการเมืองที่ไม่มีความชัดเจน
จากวันนี้ไปต้นไป ขอเรียกร้องประชาชนให้ติดตามถ้อยแถลงทางการเมืองกับจุดยืนทางการเมืองของแต่ละพรรค ผ่านการดีเบต และการให้สัมภาษณ์ต่าง ๆ เพราะการเมืองเราจะสร้างภาพนโยบายอย่างไรก็ได้ แต่จุดยืนและอุดมการณ์ต่างหากที่จะเป็นตัวชี้ว่า พรรคการเมืองนั้นฟังเสียงและเคารพความคิดเห็นประชาชนมากแค่ไหน
นายสาทิตย์ ยอมรับว่า การฟ้องร้องทางการเมืองอาจเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งการประกาศจุดยืนทางการเมืองไม่ใช่การหมิ่นประมาท หรือใส่ร้าย ไม่ได้บอกว่าผิดอย่างไร แต่เป็นเพราะความไม่โปร่งใส หรือความคลุมเครือที่เรียกว่า เทา ๆ เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในเจตนารมย์ที่เรียกว่า ‘จริยธรรมทางการเมือง’ ในรัฐธรรมนูญ












