POLITICS

‘มาริษ’ ชี้สแกมเมอร์คือ ‘สงครามมวลมนุษยชาติ’

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแรงงานต่างชาติจำนวนมากหลบหนีจาก “เคเคพาร์ค” ในเมียนมาเข้ามายัง อ.แม่สอด จ.ตาก หลังกองทัพเมียนมาบุกทลายศูนย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวและการพบการใช้อุปกรณ์สตาร์ลิงก์ที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่ามาตรการปราบปรามสแกมเมอร์ของรัฐบาลปัจจุบันอาจหย่อนยานลง

นายมาริษ กล่าวว่า ในสมัยรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร มีการใช้นโยบาย “3 ตัด” ปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเด็ดขาด ทำให้แรงงานที่ถูกหลอกจำนวนมากหนีเข้าไทย ซึ่งขณะนั้นตนได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที ร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมเชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน (กงอัน) มาร่วมคัดกรองและส่งกลับแรงงานจีน รวมถึงตั้งหน่วยเฉพาะกิจที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อประสานงานช่วยเหลือแรงงานชาติอื่นตามหลักมนุษยธรรม

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสนอให้รัฐบาลปัจจุบันเร่งจัดตั้งทีมเฉพาะกิจในลักษณะเดียวกัน โดยใช้แบบแผนที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยทำสำเร็จมาแล้ว พร้อมย้ำว่าปัญหาสแกมเมอร์ถือเป็น “สงครามมวลมนุษยชาติ” รัฐบาลควรใช้เวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่มาเลเซีย แสดงบทบาทนำในการดึงความร่วมมือจากนานาชาติ และร่วมมืออย่างเข้มแข็งกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC)

นายมาริษ ยังระบุถึงสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยริเริ่มไว้ แต่ยังไม่เห็นการสานต่อ คือ การประชุมหลายฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาในเมียนมา ทั้งการประชุม 3 ฝ่าย (ไทย-เมียนมา-อินเดีย) และ 4 ฝ่าย (ไทย-จีน-ลาว-เมียนมา) เพื่อเปลี่ยนความขัดแย้งเป็นความร่วมมือและแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติควบคู่กันไป ซึ่งมาตรการที่เข้มงวดในฝั่งเมียนมาทำให้กลุ่มธุรกิจสีเทาย้ายฐานไปกัมพูชา

ดังนั้น รัฐบาลปัจจุบันควรนำกลไกการประชุม 3 ฝ่าย (ไทย-จีน-กัมพูชา) มาปรับใช้เพื่อแก้ปัญหาในฝั่งกัมพูชาเช่นกัน แม้ปัจจุบันจะมีปัญหาความไม่จริงใจจากกัมพูชาในประเด็นชายแดนก็ตาม โดยควรดึงมหาอำนาจเข้ามาร่วมกดดัน

นายมาริษ เน้นว่า โจทย์สำคัญขณะนี้ไม่ใช่เรื่องการมีนโยบาย แต่คือการนำนโยบายไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ไทยกลับมามีบทบาทนำในการปราบปรามสแกมเมอร์ในภูมิภาค

Related Posts

Send this to a friend