POLITICS

รมว.คมนาคม เผย ใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ คืนผิวจราจรให้ประชาชนได้

’พิพัฒน์’ ลงพื้นที่ติดตามเหตุถนนทรุด เผย ใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ คืนผิวจราจรให้ประชาชนได้ กำชับ ทุกโครงการตรวจสอบ ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ พร้อมหาวิธีป้องกันเหตุ

วันนี้ (25 ก.ย. 68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามบริเวณถนนสามเสน หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลที่ทรุดตัวเมื่อวานนี้ พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ได้มาดูความคืบหน้าของการแก้ปัญหาพื้นที่ถนนทรุดที่เกิดเหตุตั้งแต่เมื่อวานนี้ (24 ก.ย. 68) ซึ่งผู้ว่าฯ รฟม. ได้มากำกับดูแลตลอดเวลาและที่สำคัญเอกชนก็ระดมกำลังเต็มที่เพื่อที่จะแก้ปัญหาให้ได้เร็วที่สุดและจากการประเมินของภาคเอกชน และภาครัฐ ได้พูดคุยกันก็จะสามารถปิดรูดังกล่าว และเปิดการจราจรได้ไม่น่าจะเกิน 14 วันหรือ 2 สัปดาห์ ซึ่งหากสถานประกอบการ และรฟม. จะทำให้เร็วขึ้น จะเป็นสิ่งที่เร็วที่สุด เพราะเราต้องการคืนผิวจราจรให้กับผู้ใช้ถนน นี่คือสิ่งที่กระทรวงคมนาคม และรัฐบาล ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ตรวจเยี่ยมสถานที่นี้ 2 ครั้งแล้ว และตนเองไม่ได้มีความรู้ และความเชี่ยวชาญในเชิงวิศวกรรมแต่ก็ได้รับข้อมูลจากกทม. รฟม. และภาคเอกชน

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้พยายามอย่าให้มีการสไลด์ของดินเพิ่มเติม ซึ่งก็มีการนำถุงกระสอบทราย และเทคอนกรีตลงไป แต่ก็ต้องภาวนาอย่าให้มีฝนตกลงมาอีก หากฝนตกลงมามาก อาจจะมีการเคลื่อนตัวของดินได้ และหากไม่มีฝนตกลงมาภายใน1 – 2 วันนี้ เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาก็จะง่ายขึ้น ดังนั้น ความมุ่งมั่นของ รฟม. ภาคเอกชน และกทม. เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาให้ได้เร็วที่สุด

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จากการหารือกัน ค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าเราสามารถหยุดปัญหาที่เกิดตั้งแต่เมื่อวานถึงขณะนี้ ไม่ให้ขยายวงกว้างไปกว่าปัจจุบัน แต่ถ้ามีเหตุปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการสไลด์ของดินเพิ่มเติม ในเชิงวิศวกรรมเรา ก็ต้องให้ฝ่ายวิศวะได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ จากหลายมหาวิทยาลัยมาร่วมกันประเมิน และแก้ปัญหาในส่วนนี้

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ได้มีการกำชับในทุกโครงการที่มีการก่อสร้างขอให้ลงไปตรวจสอบให้ละเอียดว่าเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน เราไม่อยากให้เกิดบทเรียนต่อ ๆ ไป และทางเรามีผู้เชี่ยวชาญ และมีการหารือกับสภาวิศวกรรมในการเอานักวิชาการทั้งในประเทศ และมีการขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศด้วย เพื่อหาวิธีการป้องกันว่าในโครงการอื่น ๆ จะมีการตรวจสอบอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาอีก

ส่วนบริษัทผู้รับเหมาจะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เดี๋ยวต้องหารือกับทางบริษัทผู้รับเหมาก่อน ซึ่งขณะนี้ก็กำลังรับผิดชอบอยู่ ดังนั้น ก็ให้ทางผู้รับเหมา และภาคเอกชนได้แก้ปัญหาให้ส่วนนี้ก่อนหลังจากนี้เราต้องนั่งคุยว่าเราจะทำกันอย่างไร

Related Posts

Send this to a friend