‘เพื่อไทย’ ลงพื้นที่บึงกุ่ม เสนอนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน

‘เพื่อไทย’ ลงพื้นที่บึงกุ่ม เสนอนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน กระจายอำนาจการตัดสินใจการใช้งบประมาณให้ชุมชน เป็น ‘ประชาธิปไตยกินได้’
วันนี้ (25 เม.ย. 65) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก. พร้อมด้วย นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย ผู้สมัคร ส.ก.เขตบึงกุ่ม เบอร์ 3 ลงพื้นที่หมู่บ้านเสนา 88 และหมู่บ้านรัชนี แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม เพื่อรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเช่นในหมู่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยชาวบ้านให้ความสนใจสอบถามนโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย
ทั้ง กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี , 50 เขต 50 โรงพยาบาล , 30 บาทถึงที่หมาย , 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟต์เพาเวอร์ ที่มีแนวทางในการ ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ รวมไปถึงปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ของชาวชุมชนที่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยพิจารณาหาทางแก้ไข อาทิ ปัญหาฝาท่อระบายน้ำในหมู่บ้านชำรุดเสียหาย ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อาศัยโดยเฉพาะผู้สูงอายุในหมู่บ้าน
ตัวแทนชุมชนเสนา 88 ร้องเรียนว่าหมู่บ้านมีปัญหายังไม่สามารถขึ้นทะเบียนชุมชนกับกรุงเทพมหานครได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขยุ่งยากซับซ้อนทำให้กรุงเทพมหานคร ไม่สามารถเข้ามาลอกท่อในหน้าฝน ไม่สามารถซ่อมแซมฝาท่อระบายน้ำที่ชำรุด ทำให้หมู่บ้านต้องจ่ายเงินจ้างคนนอกมาลอกท่อเองซ่อมฝาท่อเอง อีกทั้งถ้าหมู่บ้านสามารถขึ้นทะเบียนชุมชนได้ ก็จะสามารถเข้าร่วมกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท เพื่อให้คนในชุมชนสามารถนำเงินมาใช้พัฒนาดูแลสาธารณูปโภคในในชุมชน รวมถึงได้พาผู้สมัคร ส.ก. ลงดูท่อระบายน้ำที่ท่วมตันชำรุดเองอีกด้วย

นายวิชาญ กล่าวว่าปัญหาของชาวหมู่บ้านเสนา 88 เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงกับอีกหลายหมู่บ้านและชุมชนที่อยากขึ้นทะเบียนเป็นชุมชนกับกรุงเทพมหานคร แต่ติดตรงเงื่อนไขยุ่งยากตรงนี้แสดงให้เห็นชัดว่าราชการไทยเป็นรัฐราชการรวมศูนย์ ไม่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายกระจายอำนาจจากส่วนกลางออกไป กระจายการตัดสินใจให้ชุมชน ให้ชุมชนตัดสินใจใช้งบประมาณตัวเองได้ เช่นตัวอย่างหมู่บ้านนี้ ถ้าเขาจดทะเบียนชุมชนได้ เขาก็สามารถตั้งกรรมการภายในชุมชนเป็นนิติบุคคลเข้ามาบริหารกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท เพราะนี่คือประชาธิปไตยกินได้
นายดนุพร กล่าวว่าวันนี้เดินเข้ามาที่หมู่บ้านเสนา 88 ทราบว่ามีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 800 หลังคาเรือน และส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งในคนกลุ่มนี้ทำงานหนักเพื่อเก็บสะสมเงินมาตลอดชีวิต แต่เมื่อผู้สูงอายุเจ็บป่วย เงินที่เก็บไว้ก็หมดไปกับค่ารักษาตัวทั้งที่รัฐควรดูแลสวัสดิภาพให้ประชาชน ไม่ควรให้ประชาชนต้องมีภาระใช้จ่ายเงินรักษาตัวเจ็บป่วยโดยลำพัง มากกว่านั้น โรคภัยปัจจุบันก็รุนแรงและระบาดเร็วมากเช่นโรคโควิด ที่คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้ก็เคยติดโควิด พรรคเพื่อไทยจึงเสนอนโยบาย 50 เขต 50 โรงพยาบาล เพื่อดูแลพี่น้องได้ในเขตบึงกุ่ม ไม่ใช่ว่าเราป่วยที่บึงกุ่มแต่ต้องไปรักษาตัวหาหมอที่บางขุนเทียน หรือคนป่วยที่บางแค แต่ต้องไปรักษาที่หนองจอก ดังนั้นพรรคเพื่อไทยเสนอให้นำเงินกองทุนประกันสุขภาพ 15,000 ล้านบาทต่อปี มาบริหารจัดการ ให้มีโรงพยาบาลสังกัด กทม. อย่างน้อย 1 แห่งต่อเขต หรือยกระดับศูนย์บริการสาธารณสุขสังกัดกทม. ให้สามารถดูแลรักษาคนป่วยในชุมชนในเบื้องต้นได้
ขณะที่ นายเนติภูมิ กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านเสนา 88 เดือนร้อนจากปัญหาน้ำท่วม ฝาท่อระบายน้ำชำรุด โดยชาวบ้านพาเราไปดูท่อระบายน้ำท่วมตันชำรุดด้วยตัวเอง หากหมู่บ้านนี้ขึ้นทะเบียนชุมชนกับกรุงเทพมหานคร จะสามารถเข้ามาลอกท่อระบายน้ำ ซ่อมฝาท่อ เพิ่มไฟส่องสว่าง รวมถึงถ้าเข้าถึงกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บ.ได้จะสามารถนำเงินไปทำดูแลสวัสดิการและคุณภาพให้ชาวบึงกุ่มมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นต่อไป
