‘อี้ แทนคุณ‘ พาผู้เสียหายถูกหลอกลงทุน 6 ดคี ร้องประธานสภาฯ จี้ ปปง.เฉลี่ยทรัพย์ที่ถูกยึดคืนให้ผู้เสียหาย

วันนี้ (24 ต.ค. 67 ที่อาคารรัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พาคณะผู้เสียหาย เข้ายื่นหนังสือถึง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อขอความกรุณาตรวจสอบความคืบหน้าคดีที่มีผู้เสียหายใน คดีที่อยู่ภายใต้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนำทรัพย์ที่ยึดคืนมาได้ คืนแก่ผู้เสียหาย
นายแทนคุณ กล่าวว่า ขณะนี้มีคดีที่ผู้ประชาชนเปลี่ยนเดือดร้อนอย่างหนักจำนวน 6 คดี ประกอบด้วย
1.คดีแชร์แครอท ที่มีผู้เสียหาย 1,000 กว่า ราย DSI สอบสวนไปได้แค่ 300 กว่าราย และไม่มีการขยายผลเพิ่ม ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นการหลอกให้เทรดเงินในแพลตฟอร์มปลอม โดยใช้ค่าเงินต่างประเทศ และมีการจัดกิจกรรมใช้ธรรมะบังหน้าเพื่อหลอก คนแก่ เด็ก และพระภิกษุสงฆ์ด้วย มีมูลค่าความเสียหายกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งตนได้ส่งชื่อให้ประธานสภาฯ ทราบว่ามีใครบ้างที่เป็นผู้กระทำความผิด โดยคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2566
2.คดีหลอกลงทุน ในกีฬาต่างๆ ความเสียหายกว่า1,000 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งเกิดความเสียหายมา 4 ปีแล้วและยังไม่มีความคืบหน้า
3.คดีถูกชักชวนให้ลงทุนในโครงการรถเก็บขยะพลังงานไฟฟ้า คลังน้ำมันชุมชน มีความเสียหาย ประมาณกว่า 822 ล้านบาท
4.คดีถูกหลอกให้ลงทุนกับบริษัทให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ แก่เจ้าของเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น ทั่วโลก มีผู้เสียหายกว่า 3,400 คน และมูลค่าความเสียหาย 1,500 กว่าล้านบาท
5.คดีหลอกให้สมัครทำงานออนไลน์ ต่อมาพบว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ล้วนมีฐานะลำบาก มีผู้เสียหายนับ 1,000 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท และ
6.คดีการหลอกลงทุนในบริษัท ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 1,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า มูลค่าความเสียหายรวม 6 คดี ประมาณ กว่า 4,600 ล้านบาท นี่เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง ที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจของชาติ โดยมีการประเมินว่าคนไทยถูกหลอกทางออนไลน์เป็นอันดับ 4 ของโลก เกิดจากความไม่รู้สาระหลักการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน การไม่รู้เท่าทันเทคนิค วิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีวิธีการที่ แยบยลขึ้น ช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า ที่สำคัญปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นภาคเอกชนที่อาจมีการเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย ปรากฎการณ์เหล่านี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาวะของพี่น้องประชาชน หลายคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวและคิดสั้นฆ่าตัวตาย
“หลายคดีที่ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีการยึดทรัพย์ไปแล้วและหลายคดีก็ยังไม่มีการยึดทรัพย์ ซึ่งในคดีที่ยึดทรัพย์ไปแล้ว อยากจะขอให้ประธานสภาฯหาทางช่วยเหลือประชาชนในการได้รับเฉลี่ยทรัพย์คืน เป็นทรัพย์ที่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นความเสียหายจริง เพราะหากต้องรอจนสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรม อาจจะต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ทั้งนี้หลังจากมีเรื่องคดี ดิไอคอน อาจจะมีเทวดาจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกาะกินบ่อนทำลายหาผลประโยชน์กับบุคคลเหล่านั้นหรือไม่ ทำให้คดีต่างๆ ถูกประวิงเวลาออกไปอย่างผิดปกติ การสอบสวนใช้เวลาเป็นปี บางคดี 6 ปียังไม่คืบหน้า แล้วผู้เสียหายจะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้ได้อย่างไร” นายแทนคุณ กล่าว