‘ร.ต.อ.เฉลิม‘ มอง รัฐบาล ‘เจ๊ง’ อยู่ไม่ครบเทอม ท้า เพื่อไทยขับออกจากพรรคเร็วๆ
ลั่น แค่ชื่อ ’ทักษิณ’ ก็ไม่อยากได้ยิน บอก ไม่เคยสร้างตัวเองให้ร่ำรวยทางการเมือง แต่ฟ้ารู้ดินรู้ เคยสร้างคนไม่มีอะไรให้ร่ำรวย ย้ำ ไม่เห็นด้วยดิจิทัล วอลเล็ต
วันนี้ (24 ก.ค. 67) ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เปิดบ้านริมคลอง เขตบางบอน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนเองเดินทางไปให้กำลังใจ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ในการเลือกนายกฯ อบจ. ปทุมธานี หลังจากปิดหีบแล้ว ซึ่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็สนิทกับ ‘คนที่เคยนอนโรงพยาบาล’ ซึ่งตนเองไม่ขอเอ่ยชื่อ และครั้งก่อน ตนเองก็เคยไปช่วยหาเสียง โดยเจอ สส. เพื่อไทยด้วย ทำไมถึงไม่ดำเนินการตั้งแต่ครั้งก่อน แต่คราวนี้มีคิดดำเนินการกับตนเอง และนายวัน อยู่บำรุง ตนเองไปในตอนที่การเลือกตั้งเสร็จแล้ว และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็แพ้แล้ว แม้จะเป็นผลอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งนายชาญ พวงเพ็ชร ผู้สมัครนายก อบจ. ที่พรรคเพื่อไทยส่งลงสมัคร ตนเองก็ไม่รู้ว่าส่ง และยังมีคดีอยู่ด้วย เมื่อแพ้เราก็ให้กำลังใจกัน บอกตรง ๆ ว่าเราไปจริง ๆ เมื่อพรรครู้ก็บอกว่าตนเองไม่มีวินัยพรรค ซึ่งถ้าตนเองไม่มีวินัย แล้วจะเหลือกี่คนในพรรคที่มีวินัย ไม่อยากพูดเยอะแล้ว เพราะพรรคมีสงครามตัวแทนเยอะมากที่ออกมาตอบโต้
“ผมอยากให้พรรคเพื่อไทยไล่ผมออกจากพรรคเร็ว ๆ การเมืองจะได้สงบในสภา ผมไม่ได้ทุจริต แค่ผมไปเยี่ยมบิ๊กแจ๊ส มันจะต้องถูกขับไล่ออกจากพรรค ก็ให้มันรู้ไป” ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าว
ร้อยตำรวจเอกเฉลิม ระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่พรรคเพื่อไทยกว่า 20 ปี ตนเองไม่เคยเอาเงินพรรคแม้แต่บาทเดียว เมื่อหาเสียงต่างจังหวัด ก็ใช้ยานพาหนะของตนเอง ประชาชนก็ถามหาตนเองตลอดเวลาเมื่อปราศรัยหาเสียง ถ้าไม่เชื่อ พวกที่ชอบนอนโรงพยาบาล ก็ออกมาบอกเลยว่าไม่จริง หรือถ้าอยากให้สนุกก็มาดีเบตกัน ซึ่งตนเองไม่ขอดีเบตกับคนอื่น ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ออกมาพูดถึงตนเอง อย่าออกมาเลย ไม่ใช่เรื่องของผมกับคุณ เป็นเรื่องของผมกับพรรค อยากให้พวกที่ชอบนอนโรงพยาบาลออกมาดีเบต ออกมาบอกเลยว่าตนเองชั่วอย่างไร เลวอย่างไร ซึ่งตนเองสามารถรับผิดชอบตัวเองได้เวลาพูด
ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าวว่า คนที่จะดีเบตกับตนเอง ได้ไม่ใช่คนอื่น แต่จะเป็นนายทักษิณ นอกจากทักษิณแล้ว ใครจะรู้ประวัติตนเอง และนอกจากตนเองแล้ว ใครจะรู้ประวัติเดิมทักษิณ ยืนยันว่า ไม่มีใครมีบุญคุณต่อกัน แต่หากมีการมาดีเบตจะถือว่าเป็นเรื่องที่สนุก หลังจากแถลงข่าววันนี้ พรรคเพื่อไทยยังไม่ขับออก ตนเองจะทำอะไรต่อยังไม่บอกเพราะเป็นความลับ และอย่าว่าเป็นการลากไส้เลย ถือเป็นการเอาความจริงมาบอกประชาชน
ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทย เหมือนชัดเจนว่าจะไม่ขับออกจากพรรคคือความทุกข์ของตนเองที่เขาไม่ขับ หากขับออกจากพรรคก็จะทำงานในสภาได้ ซึ่งตนเองไม่เอาพรรคเพื่อไทย แต่จะทำอย่างไรนั้น ถ้าบอกไปก็จะไม่สนุก โดยต่อไปอาจจะมีการอภิปรายพรรคเพื่อไทย หรือพรรครัฐบาล ซึ่งตนเองขอร้องว่า คนที่รักกัน คนที่ตัวเองเคยไปช่วยปราศรัย ถ้าเขาใช้ออกมาด่าตนเองนั้น กรุณาอย่าด่าเลย
“จิตใจผมสะอาดไม่เคยชั่ว ไม่เคยสร้างตัวเองให้ร่ำรวยในทางการเมือง แต่ผมเคยสร้างมนุษย์บางคนจากที่ไม่มีอะไร จนร่ำรวยๆ ผมไม่อยากบอกชื่อ แต่ทุกคนคงรู้”
ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าวอีกว่า ตนเองยังไม่ได้พูดว่าเข้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะพูดไม่ได้ เนื่องจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐยังไม่อนุญาต ลูกอยู่อีกพรรค พ่ออยู่อีกพรรคก็ได้
เมื่อถามว่าจะเป็นเหมือนฝ่ายค้านอิสระใช่หรือไม่ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม ระบุว่า ไม่อยากให้เรียกแบบนั้นอยากให้เรียกว่าเฉลิมอิสระดีกว่า เพราะมีตนเองคนเดียว ซึ่งตนเองเป็นคนตรง ๆ ถ้าป่วย ก็บอกป่วย ไม่มีการแกล้งป่วย และขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามจากพรรคการเมือง และไม่กลัวว่าจะมีคนแตะเบรคเหมือนที่นายวันโดน คนที่แตะเบรคตนเองได้คือตนเองเพียงคนเดียว
ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าวถึงความสัมพันธ์กับนายทักษิณ ชินวัตร ว่า ชื่อยังไม่อยากได้ยิน ไม่มีแตกหัก เขาจะมาแคร์อะไร แต่พร้อมดีเบต ซึ่งตอนที่อยู่ต่างประเทศก็คุยกันตลอด ไม่คุยกันก็ตอนที่กลับมา และไม่รู้เพราะอะไร ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ปิดประตู แต่เขาปิดตั้งแต่ต้นแล้ว ซึ่งตนเองก็ไม่อยากเปิดเช่นกัน และถ้าพูดเรื่องบุญคุณนั้น ฟ้าดินรู้ว่าใครมีบุญคุณกับใคร
“ก่อนจะเป็นรัฐมนตรีได้ ผมปราศรัยทั่วประเทศ อย่างเศรษฐานี่สิ เยี่ยม ไม่ต้องออกปราศรัย แต่เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างนี้ เยี่ยม อย่างผมไม่เยี่ยมหรอก หาเสียงแทบตาย รถจะคว่ำเมื่อไหร่ เครื่องบินจะตกเมื่อไหร่ ไม่รู้ กว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี” ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าว
ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าวว่า ที่ไปรับประทานอาหารกับพลเอกประวิตรนั้น ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่บอกว่าคุยอะไร เรื่องแบบนี้ต้องให้พลเอกประวิตร เป็นคนพูด เพราะถ้าตัวเองพูดเดี๋ยวจะหาว่าอ้าง ซึ่งรู้จักกันมากกว่า 30 ปี และตนเองไม่ได้ฝากนายวัน กับพลเอกประวิตร ที่ผ่านมาก็ไม่เคยพูดคุยทักทายกันเลย มีวันนั้นที่ไปบ้านท่านท่านก็เมตตาต้อนรับกลับเหมือนคนกันเอง เหมือนอดีตไม่ได้ผ่านพ้นไปเหมือนคนบางคน และยอมรับว่าบ้านพลังประชารัฐ เหนือเหนือชั้นกว่าเยอะ และตนเอง ไม่เคยไปบ้านทักษิณบ่อย ซึ่งส่วนใหญ่จะไปที่บริษัท และนายทักษิณ เคยมาบ้านตนเอง 2 – 3 ครั้ง ยืนยันว่าพลเอกประวิตร ยังไม่ได้ชวนให้ไปอยู่ด้วย เพราะยังคาบลูกคาบดอกแบบนี้ และไม่ต้องจีบ เมื่อถึงเวลาไปเลย เพราะตนเองใจง่ายอยู่แล้ว
ร้อยตำรวจเอกเฉลิม ยังแสดงความคิดเห็นถึงโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ตนเองไม่เห็นด้วย และมองแล้วรัฐบาลก็เก้ ๆ กัง ๆ แอคอาร์ตสมาร์ทการ์ด นายกรัฐมนตรี ก็ใส่ถุงเท้าสีเขียวสีแดง แค่นี้ก็ฮาตรึมแล้ว และโครงการนี้จะไม่สำเร็จ และต่อไปก็อาจจะมีการสอบสวนทางคดีในเรื่องนี้ ซึ่งมีเรื่องบานเบอะ ถ้าพูดไปเขาก็หาว่าขู่ หาว่าแบล็คเมล์ เพราะคนในพรรคเพื่อไทยมันชอบออกข่าวแบบนี้ จึงพูดไม่ได้
เมื่อถามว่าได้มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนี้อย่างไร ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลนั่นหรอ เจ๊ง ฟันธงเลย
เมื่อถามว่ามีเกณฑ์ถึงขั้นจะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี หรือยุบสภาหรือไม่ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าวว่า ถ้าพูดแบบนั้น เขาก็หาว่ารู้มากไป ตนเองยังรู้ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาล มีแต่ถือปืนคนละกระบอก รอคนพลาด ส่วนจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ ตนเองมองว่า ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เพราะนักการเมืองมีแต่รวย แต่ประชาชนมีแต่จน