POLITICS

กมธ.เศรษฐกิจ จี้แก้เกณฑ์เยียวยาแผ่นดินไหว ชงใช้งบกลางโปะค่าซ่อม-รื้อถอน เร่ง ‘โยธาฯ’ เปิดชื่อตึกเสี่ยง

วันนี้ (24 เม.ย. 68) นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุม กมธ. ซึ่งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยชี้ถึงปัญหาข้อจำกัดของระเบียบปัจจุบันและการเสนอแนวทางแก้ไข

นายศุภณัฐ อธิบายว่า ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดลองราชการฯ ที่ใช้เป็นหลักเกณฑ์ปัจจุบัน กำหนดให้ช่วยเหลือเป็นค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ผู้ประสบภัยเป็นเจ้าของ เสียหายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินหลังละ 49,500 บาท ซึ่งเมื่อกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำไปปฏิบัติโดยอิงราคาวัสดุจากกรมบัญชีกลางและกระทรวงพาณิชย์ ทำให้การช่วยเหลือครอบคลุมเพียงค่าวัสดุ ไม่รวมค่ารื้อถอน ค่าแรงซ่อมแซม หรือค่าเดินทาง เนื่องจากเจ้าหน้าที่กังวลเรื่องการตีความและการตรวจสอบย้อนกลับ

กมธ. พัฒนาเศรษฐกิจรายนี้ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้เสนอร่างแก้ไขระเบียบดังกล่าว โดยเปลี่ยนจาก “ค่าวัสดุซ่อมแซม” เป็น “ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัย” และเปลี่ยนจากผู้ประสบภัยที่เป็น “เจ้าของ” เป็น “ผู้อยู่อาศัยประจำ” พร้อมเสนอปรับเพิ่มวงเงินเป็น 80,000 บาท อย่างไรก็ตาม ร่างแก้ไขนี้ยังต้องรอการอนุมัติจากรัฐบาลและการลงนามโดยปลัดกระทรวง จึงยังไม่มีผลบังคับใช้กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด

นายศุภณัฐ กล่าวถึงแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมว่า กมธ. พยายามหาช่องทางอื่น เช่น การเสนอให้ กทม. หรือจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ เสนอของบประมาณกลาง เพื่อนำมาสมทบเป็นค่าใช้จ่ายส่วนที่ไม่ครอบคลุมในระเบียบปัจจุบัน เช่น ค่าเดินทาง ค่าแรงซ่อมแซม และค่ารื้อถอน โดยเสนอเรื่องผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ไปยังกรมบัญชีกลาง หากได้รับการอนุมัติ ก็จะสามารถนำเงินส่วนนี้มาช่วยเหลือประชาชนได้เพิ่มเติม โดยอาจอิงเกณฑ์ความเสียหายที่ กทม. เคยประเมินไว้ ทั้งนี้ นายศุภณัฐย้ำว่า แนวคิดนี้เป็นเพียงข้อเสนอที่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณา และต้องอาศัยแรงผลักดันจากสังคมด้วย

สส. กทม. พรรคประชาชน แสดงความเห็นใจผู้ประสบภัย โดยชี้ว่าเงินช่วยเหลือตามเกณฑ์ปัจจุบันอาจไม่เพียงพอต่อความเสียหายจริง หลายกรณีเสียหายหลักแสนบาทแต่ได้รับเงินช่วยเหลือเพียงหลักพัน ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนแบกรับภาระหนี้สินเพิ่มเติม หรือรู้สึกเหมือนถูกซ้ำเติมมากกว่าได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งทำให้เสียทั้งเวลาและความรู้สึก

ส่วนประเด็นการขยายระยะเวลายื่นขอรับความช่วยเหลือ ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 27 เม.ย. นี้ นายศุภณัฐ ระบุว่า กทม. จะนำเรื่องนี้ไปหารือภายในเพื่อกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ จะมีการหารือกับจังหวัดอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อพยายามปรับใช้ตารางเกณฑ์การประเมินความเสียหายของ กทม. ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สร้างความเท่าเทียมในการช่วยเหลือ

นายศุภณัฐ ยังกล่าวถึงจำนวนผู้ยื่นขอรับเงินเยียวยาในพื้นที่ กทม. ซึ่งมีประมาณ 34,000 ราย ว่า กทม. พยายามเร่งรัดการดำเนินการ แต่ยอมรับว่าอาจมีความล่าช้า และคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจนถึงการได้รับเงินอาจใช้เวลา 4-5 เดือน พร้อมกันนี้ จะนำประเด็นการพัฒนาระบบยื่นเอกสารทางออนไลน์ไปหารือในครั้งต่อไป

กมธ. พัฒนาเศรษฐกิจ ยังเรียกร้องให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยรายชื่ออาคารอื่น ๆ (นอกเหนือจากอาคารภาครัฐ 70 แห่งที่ถูกจัดอยู่ในเกณฑ์สีแดง) ที่ได้รับความเสียหายหนักด้านโครงสร้าง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลและเพิ่มความระมัดระวัง

สำหรับการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังนั้น ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจนจากกรมบัญชีกลาง แต่น่าจะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ รมว. คลังแล้ว หลังจากนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ให้ดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับความเสียหาย โดย รศ. ดร. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเข้าร่วมประชุม กมธ. ในวันนี้ จะนำข้อหารือไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาช่องทางตามระเบียบในการช่วยเหลือประชาชนต่อไป

Related Posts

Send this to a friend