นายกฯ ยัน ตั๋ว PN เป็นเรื่องปกติคนอื่นก็ทำ ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
โยนฝ่ายค้านถามคนในพรรคเคยทำแบบนี้หรือไม่ มั่นใจ เสียภาษีมากกว่าแม้อายุน้อยกว่า ชี้ ถูกตรวจสอบบัญชีอย่างเข้มข้นหลังรัฐประหาร 49 บอก ที่ดินอัลไพน์ ซื้อที่ดินแปลงนี้ตอนอายุ 11 ขวบ มอบ ’อนุทิน’ แจงแทน ลั่น หากมีวุฒิภาวะ ไม่ควรปลุกคนไทยแตกแยก ด้าน ‘วิโรจน์‘ สวน คนไทยทั้งประเทศเสียภาษีน้อยกว่านายกฯ อยู่แล้ว
วันนี้ (24 มี.ค. 68) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขออภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงถึงการอภิปรายของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่กล่าวหาว่าทำนิติกรรมอำพราง และหนีภาษีโอนหุ้น ว่า ตนเองขอลุกขึ้นชี้แจงจากท่านสมาชิกที่เข้าใจว่าตัวเองเป็นจอมยุทธ์ ซึ่งกำลังสำคัญผิดในเรื่องของข้อเท็จจริง การใช้สำนวนโวหารต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และเอาเรื่องภาษีคนละหมวดมาอธิบายให้คนเกิดความสับสน ขอยืนยันว่าทั้งการปฏิบัติ และเจตนาที่ได้ดำเนินการทุกอย่าง อย่างตรงไปตรงมาถูกต้องตามกระบวนการตามข้อกฎหมายทุกอย่าง การกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีคนนี้ หนีภาษี ไม่ได้เป็นความจริงเลย และเป็นเรื่องที่ตรงกันข้าม
“แม้ดิฉันจะอายุน้อยกว่าท่านแต่ก็มั่นใจว่าดิฉันเสียภาษีให้รัฐมากกว่าท่านแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องบัญชีทรัพย์สิน และบัญชีหนี้สิน ขอชี้แจงว่า การแสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ตั้งแต่วันที่ดำรงตำแหน่ง ได้ยื่นต่อ ปปช. ครบถ้วนตามขั้นตอนทุกอย่าง ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นคำร้องในเรื่องการตรวจสอบความถูกต้อง และเรื่องที่มีการถูกฟ้องไปก็ยังอยู่ในกระบวนการของ ปปช. ที่จะตรวจสอบตามขั้นตอน ตนเองมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเต็มใจที่จะแสดงข้อมูลหลักฐานทุกอย่างที่ทาง ปปช. ขอมาให้ความร่วมมือทุกประการ จนกว่าจะได้ข้อสรุปจาก ปปช.
ส่วนเรื่องของธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่งที่สมาชิกได้อภิปราย ต้องพูดกันให้ชัดก่อนว่าทรัพย์สินกิจการของครอบครัว และหนี้สินกิจการทั้งหมดของตนเอง และครอบครัว มีการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตรวจเข้มข้นมาตลอด และไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่ไม่เข้มข้นเลย ทุกบัญชี ทุกธุรกรรมอยู่ในสายตา อยู่ในที่เปิดเผย และโปร่งใสมานานมากแล้ว และขอยืนยันว่า ที่โดนตรวจสอบทั้งหมดถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ที่ดินทุกแปลง ทุกตารางวา ที่ตนเอง และครอบครัวมี มีการออกโฉนดโดยรัฐทั้งหมด ไม่มีการซื้อที่ดินที่ไม่มีโฉนด
นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า การทำธุรกรรมเรื่องหุ้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนเข้าสู่การเมืองหลายปี ซึ่งมีความตั้งใจในการปรับโครงสร้างของหนี้บริษัท โดยการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ PN เป็นหนังสือที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกบุคคลหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งหนังสือดังกล่าวตนเองได้ติดอากรแสตมป์ตามกฎหมายเรียบร้อย ซึ่งการซื้อขายแบบนี้ บางรายการก็ไม่มีการเสียภาษี เนื่องจากยังไม่มีการชำระเงิน ก็เลยยังไม่ทราบจำนวน และยังเสียภาษีไม่ได้ การซื้อขายแบบนี้ จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างตนเองผู้เป็นผู้ซื้อ และครอบครัว ที่เป็นผู้ขาย ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใด ๆ หากจะเกิดการซื้อขายต่าง ๆ ยอดหนี้ที่เห็น ต้องแสดงชัดเจนอยู่ในบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งได้ยื่น ปปช. ไปหมดแล้ว ก็ตรวจสอบได้เช่นกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิธีการเหล่านี้ ที่เล่าให้ฟังในเรื่องของ PN หรือการปรับโครงสร้างต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ ลองถามสมาชิกฝ่ายค้านในพรรคท่านเองก็ได้ ว่ามีใครทำธุรกิจอะไรประมาณนี้ไหม และมีการทำในเรื่องของตั๋วสัญญาใช้หนี้แบบนี้หรือไม่ โดยถ้ามีก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถือเป็นเรื่องปกติ

ส่วนที่มีการอ้างว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นแหล่งทุจริตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จะออกตั๋วสัญญาใช้เงินขบวนการค้ายาเสพติด จะออกตั๋วให้กัน ตนเองว่าเรื่องนี้อาจจะจินตนาการมากไปเยอะอยู่เหมือนกัน การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จะใช้กับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการได้โดยเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อเอง และฝ่ายผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใด ๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหน ออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาขอเงินไม่ได้ มันก็ไม่สามารถทำได้
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การเลือกใช้วิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินแทนการรับให้ เพราะเป็นการดำเนินการธุรกิจอย่างเปิดเผย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำคือไม่สามารถแอบทำได้ ต้องถูกกฎหมาย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างหุ้น จำเป็นต้องใช้การซื้อขาย แต่ ณ เวลานั้น ตนเองไม่ได้มีความพร้อมที่จะชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน ซึ่งได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินต่อ ปปช. เรียบร้อยแล้ว พูดคุยกันในครอบครัวอยู่แล้วว่ามีแผนที่จะชำระอยู่แล้ว ซึ่งรอบแรกจะเกิดขึ้นภายในปีหน้านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเอง และครอบครัวตกลงกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร แน่นอนว่าเมื่อเกิดการซื้อขายเกิดขึ้น หลักฐานจะปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของตนเองอย่างแน่นอน และ ปปช. ก็ตรวจสอบได้อีกเช่นกันก็โปร่งใส พอมีการซื้อขาย และจ่ายภาษีเกิดขึ้น ยังไงก็หลบการจ่ายภาษีไม่ได้
ส่วนเรื่องที่ดินอัลไพน์ เกิดมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ตอนที่ครอบครองตนเองซื้อที่ดินแปลงนี้ ซึ่งตอนนั้นตนเองอายุประมาณ 11 ขวบ ก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ตอนนั้นหรือไม่ และการซื้อที่ดินทุกแปลงของครอบครัวไม่เคยซื้อที่ดินที่ไม่มีการออกโฉนดโดยหน่วยงานรัฐ และเราต้องทราบอยู่แล้ว ว่าเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย และต้องทำ หลังจากนั้น เมื่อมีคดีความ และขั้นตอนที่เกิดขึ้น ก็เป็นไปตามกระบวนการทุกอย่าง จนตนเองมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีการไปแทรกแซงใด ๆ และไม่เคยไปสั่งหน่วยงานไหนให้แทรกแซง หรือทำเรื่องนี้ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันทำไม่ได้หรอก ท่านยังไม่ค่อยเข้าใจในกระบวนการทำงานที่แท้จริง ก็อาจจะไม่เข้าใจในเรื่องนี้ แต่มันแทรกแซงแบบนั้นไม่ได้ ตนเองอาจจะต้องอธิบายในอนาคตเพิ่มเติม จึงขอรับเรื่องนี้ไว้อธิบายให้ทุกคนเข้าใจเพิ่มขึ้นในอนาคต
ส่วนในเรื่องนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติมอีก เดี๋ยวจากนี้จะมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงเรื่องนี้เพิ่มเติมในรายละเอียด ซึ่งจะทำให้เข้าใจมากขึ้น ก็จะทำให้เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทั้งหมด
ส่วนของที่ดินเขากระโดง เป็นกรณีพิพาทระหว่างกรมที่ดิน การรถไฟ และประชาชน ตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี จะกำชับเรื่องนี้อย่างดี ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน และที่แน่ ๆ ทุกขั้นตอนจะต้องถูกดำเนินอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วต้องตามกระบวนการ ขอให้มั่นใจว่าตนเองทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ๆ ที่จะต้องผ่านเข้ากระบวนการ ก็เข้ากระบวนการตามระบบตามระเบียบจริง ๆ เพราะมิเช่นนั้นก็จะเกิดความวุ่นวายต่าง ๆ ตามมาแล้ว ไม่อยากให้ใช้เรื่องเซนซิทีฟเหล่านี้พูดจาให้เกิดความสับสน หรือเกิดความแตกแยกในสังคมเพราะจริง ๆ แล้วเราก็เป็นคนรุ่นใหม่ และน่าจะพร้อมรับฟังเมื่อใคร หรือผลงานใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนก็ควรชื่นชมบ้างเพื่อจะได้เป็นกำลังใจในการทำงานด้วย
“อย่างน้อย ๆ เราก็เป็นคนไทยเหมือนกันมั่นใจว่าทุก ๆ คนก็หวังดีกับประเทศไทยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การพูดเพื่อให้คนเกิดความเกลียดชังหรือความแตกแยก ดิฉันคิดว่าเราผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ”
ต่อมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ว่า นายกรัฐมนตรีจะเสียภาษีมากกว่าใคร นั่นเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ตนเองมั่นใจว่าคนไทย 60 ล้านคน หรือมากกว่านั้น เสียภาษีน้อยกว่านายกรัฐมนตรีทั้งนั้น แต่ถ้ากลับไปดู มาตรา 50 (9) ของรัฐธรรมนูญ ประชาชนจะเสียมาก หรือเสียน้อยทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน การตอบแบบนี้สะท้อนว่าไม่คำนึงถึง.. ก่อนที่นายวิโรจน์จะพูดจบ ประธานได้ปิดไมค์
เนื่องจากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ ส.ส.เชียงใหม่ ใช้สิทธิ์ประท้วงว่า ไม่อยากให้ประธานเปลี่ยนญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นกระทู้ เข้าใจว่าใช้สิทธิ์พาดพิงได้ แต่สิ่งที่พูดออกมาทั้งหมด ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่ถูกพาดพิงเลย จึงขอให้ประธานทำหน้าที่ควบคุมการประชุม
ทำให้นายภราดร ปริศนานันทกุล ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม วินิจฉัยว่า ตนเองกำลังฟังนายวิโรจน์อยู่ ว่าจะมีการเข้าเรื่องที่ถูกพาดพิงอย่างไร กระชับ
นายวิโรจน์ จึงกล่าวอีกว่า เสียภาษีมากหรือน้อยไม่ได้สำคัญ จากใดที่ประชาชนทุกคน คนตัวเล็กตัวน้อยเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติ ถือว่าทำได้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แม้เสียภาษีมาก แต่หาเทคนิคในการหลบเลี่ยงภาษีต่างหากที่น่ารังเกียจ
นายภราดร กล่าวด้วยว่า การชี้แจงเมื่อสักครู่นี้ ไม่ใช่ลักษณะการพาดพิง เนื่องจากนายวิโรจน์ไม่ได้เสียหาย













