‘ภูมิธรรม‘ เผยตัดไฟชายแดน 2 จุด ตั้งแต่ มิ.ย.67 แล้ว เตือน กฟภ.ไม่ควรอ้างว่าไม่รู้เรื่องความมั่นคง

‘ภูมิธรรม“ โต้หลังสื่อเมียนมาแฉไทยจ่ายไฟให้คอลเซ็นเตอร์ เผยตัดไฟชายแดน 2 จุด ตั้งแต่ มิ.ย.67 แล้ว เตือน กฟภ.ไม่ควรอ้างว่าไม่รู้เรื่องความมั่นคง จ่อเรียกถก 29 ม.ค.นี้
วันนี้ (24 ม.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีหลังสื่อเมียนมากล่าวโทษไทยขายไฟ และเป็นผู้สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ในพื้นที่ที่สร้างนิคมคอลเซ็นเตอร์และแหล่งอาชญากรรมอยู่ในเมียนมา ซึ่งมีการประสานงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่เมียนมาแจ้งว่าเป็นจุดที่ยากจะเข้าถึง และมีกำลังของชนกลุ่มน้อย
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จ่ายไฟออกนอกประเทศนั้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 ชายแดนเมืองเมียวดี ซึ่งมีการตรวจสอบแล้วว่ามีการใช้งานจริง แต่อำเภอแม่ระมาด และอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถือเป็นจุดที่มีปัญหา เพราะเป็นแหล่งที่มีพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งพื้นที่ในอำเภอแม่ระมาดเป็นศูนย์รวมของกลุ่ม KK Park ส่วนอำเภอแม่สอดก็เป็นที่ตั้งของชเวก๊กโก ซึ่งเป็นจุดนิคมคอลเซ็นเตอร์ใหญ่ ทางการไทยได้ดำเนินการตัดไปแล้ว ตั้งแต่ 5 มิ.ย.67 ถอนการติดตั้ง รื้อเสาสัญญาณ และฐานสัญญาณแล้ว
ขณะนี้ได้ประสานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และบริษัทโอเปอเรเตอร์ เพื่อเร่งดำเนินการ แต่ในพื้นที่ยังมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตามจะดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเต็มที่ จะต้องมีการพูดคุยกับหลายประเทศ ทั้งเมียนมาและจีนต้องช่วยกัน ซึ่งทางการจีนประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่า จะดำเนินการอย่างเต็มที่
ส่วนที่ไทยถูกกล่าวหาว่าเป็นทางผ่านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พาผู้เสียหายเดินทางไปทำงานบริเวณอำเภอแม่ระมาดและแม่สอดนั้น ไทยไม่ใช่ทางผ่านเพียงประเทศเดียว หากใช้ไทยเป็นทางผ่านก็ต้องลงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีกล้อง CCTV จับตาดู เป็นการเข้ามาโดยปกติไม่ได้ผิดกฎหมาย เช่น กรณีชาวอินโดนีเซีย ถูกพามาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 30 คน แต่เข้ามาในไทยได้เพียงแค่ 12 คน มีเพียง 8 คนที่มีชื่อปรากฎอยู่บริเวณด่านข้ามแดน แต่อีก 4 คนหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ และอีกส่วนใช้สายการบินต่างประเทศ ลงจอดที่ประเทศเมียนมา ทำให้สามารถเข้าประเทศได้ทันที ส่วนคนจีนบางกลุ่มสามารถเดินทางเข้าเมืองเมียวดีได้โดยตรง
ส่วนใหญ่การเข้าไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นการเข้าไปโดยสมัครใจ เพราะคิดว่าเป็นงานที่มีค่าแรงสูง แต่พอเข้าไปและไม่สามารทำงานตามที่คาดหวัง ก็จะมีจำนวนหนึ่งที่ทนไม่ได้และหนีออกมา ซึ่งในตึกคอลเซ็นเตอร์มีกำแพงกั้นหนาพอสมควรอย่างที่เป็นข่าว ชาวอินโดนิเซีย 32 คนที่หนีเข้ามาในไทยได้ ซึ่งกองกำลังราชมนูไปพบเข้าก็นำตัวมาและแจ้งข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่หากไม่มีเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็จะปล่อยตัวไป
โดยเมื่อวานนี้ (23 ม.ค. 68) กฟภ.ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า กฟภ.มีหน้าที่จ่ายไฟ แต่ไม่ได้มีความรู้ความมั่นคง ทำให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เตรียมเรียกประชุมวันที่ 29 ม.ค.68 เชิญ กฟภ.เข้าไปเพื่อพูดคุย จริง ๆ แล้วระดับปฏิบัติการไม่ควรอ้างว่าไม่ทราบเรื่องความมั่นคง เพราะควรรับรู้ได้ด้วยวิญญูชน เตรียมประสานงานพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแล กฟภ.ด้วย