‘พิธา’ มั่นใจในความบริสุทธิ์-บรรทัดฐานคำตัดสินศาล ชี้เรื่องนี้เป็นแค่ทางเบี่ยง
‘พิธา’ มั่นใจในความบริสุทธิ์-บรรทัดฐานคำตัดสินศาล ชี้เรื่องนี้เป็นแค่ทางเบี่ยง ต่างจากคดี ‘ธนาธร’ ขออย่ากังวล เผยเตรียมแผนกับ ‘ก้าวไกล’ พร้อมเดินหน้าต่อไป ทำงานรับใช้ประชาชนเหมือนเดิม
วันนี้ (24 ม.ค. 67) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ด้านหน้าทางเข้าอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนเข้าฟังคำวินิจฉัย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใด ๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
นายพิธา กล่าวว่า รู้สึกมั่นใจตลอดมา จึงต้องใช้โอกาสนี้ขอบคุณประชาชน สมาชิกและพนักงานที่ทำงานในพรรคก้าวไกล ให้กำลังใจต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้ ต้องขอบคุณทีมกฎหมายพรรคก้าวไกลโดยเฉพาะเพราะทำงานมาอย่างหนักตลอด 6 เดือน สำหรับผมยังมั่นใจในข้อเท็จจริงและความบริสุทธิ์ของตนเอง
นายพิธา ตอบรับว่ามีการเตรียมพร้อมรับผลทั้งทางบวกและทางลบ โดยการเตรียมตารางและแผนดำเนินงานของตนเองและพรรคก้าวไกลตลอดทั้งปีแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นคุณหรือโทษ จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป มีแขกต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค. 67) เสาร์อาทิตย์นี้ก็ลงพื้นที่เหมือนเดิม
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สามารถดำรงตำแหน่งต่อได้แล้วนั้น นายพิธา กล่าวว่า จะดำเนินการตามแผนของพรรคก้าวไกล ในกรณีกลับเข้าสภาฯ ส่วนจะกลับเข้าเมื่อใดนั้น คงต้องหารือกับประธานสภาฯ อีกครั้งว่า เอกสารระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับรัฐสภาจะต้องใช้เวลาเท่าใด แต่วันนี้ขอฟังคำวินิจฉัยก่อน ไม่สามารถก้าวล่วงคำวินิจฉัยได้
ส่วนคำนิยามของสื่อในความหมายของศาลนั้น นายพิธา กล่าวว่า ยังมั่นใจในบรรทัดฐานคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด ที่หากดูในรายละเอียดคงจะเห็นว่าการเป็นสื่อสื่อมวลชนจะต้องมีใบประกอบกิจการ หรือข้อแม้อย่างไรบ้าง ซึ่งเราได้นำข้อเสนอส่วนนี้สู้ในชั้นศาลแล้ว คงลงรายละเอียดมากไปกว่านี้ไม่ได้ ทั้งนี้ ถาม กสทช. แล้ว กรณีของไอทีวีไม่มีใบอนุญาต ไม่มีคลื่นความถี่ เพราะกลายเป็นของไทยพีบีเอสแล้ว ไม่สามารถมีคลื่นความถี่ที่กลับมาตั้งต้นได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าไอทีวีจะกลับมาหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคต ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมแล้ว
เมื่อถามถึงความกังวลใจ นายพิธา ปฏิเสธว่าไม่มี เพราะไม่ว่าข้อเท็จจริงในอดีต หรือสถานการณ์ในปัจจุบัน หรือเรื่องอนาคต อย่างไรก็ทำงานรับใช้ประชาชน เป็นนักการเมืองเหมือนเดิม มีแผนตลอดทั้งปีแล้ว คงใช้เวลาอีกไม่นาน ส่วนตัวได้รับมอบหมายจาก นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้จัดทำโรดแมปยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในการทำงานในปีที่จะถึงนี้ มีแผนรองรับแล้ว ประชาชนไม่ต้องกังวล จะเตรียมการแถลงโรดแมปต่อไป
นายพิธา ยังขอบคุณมวลชนสำหรับทุกกำลังใจที่ให้พรรคก้าวไกลตลอดมา อย่างไรก็จะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน ทั้งนี้ สำหรับประเด็นตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้น เชื่อว่าส่วนตัวกับนายชัยธวัช ไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง เราแค่ต้องการทำงาน และต้องฟังการประชุมวิสามัญของสถาบันพรรคการเมืองในเดือนเมษายน
นอกจากนี้ นายพิธา ยังตอบคำถามสื่อมวลชนต่างชาติถึงความหวังในวันนี้เป็นภาษาอังกฤษว่า ข้อเท็จจริง หลักกฎหมาย และความเป็นบรรทัดฐานของระบบกฎหมายไทย หากพิจารณาถึงในอดีตจะพบว่าเป็นกิจการสื่อหรือไม่ ไม่ใช่เพียงการจดทะเบียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรายได้ ใบอนุญาต และคลื่นความถี่ (Bandwidth) ด้วย ผมคิดว่าผมได้ต่อสู้คดีนี้ด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริง ทั้งในทางส่วนตัวและในทางวิชาชีพ
ส่วนคดีนี้จะเทียบได้กับคดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่หรือไม่นั้น นายพิธา ตอบว่า คิดว่าเป็นข้อแตกต่าง ไม่ใช่ข้อเปรียบเทียบ มันเป็นข้อแตกต่างสำหรับบุคคลที่ศาลไม่เป็นคุณด้วย แต่มันเป็นข้อเปรียบเทียบสำหรับบุคคลที่ศาลเป็นคุณด้วย นั่นคือข้อต่อสู้ที่เราใช้ในศาลช่วงเดือนที่ผ่านมา
นายพิธา ยังย้ำต่อผู้สนับสนุนเป็นภาษาอังกฤษว่า คดีนี้เป็นเพียงทางเบี่ยง เรายังคงเดินหน้าต่อไป ยังมีแผนและการวิเคราะห์ฉากทัศน์ต่าง ๆ ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะยังเดินหน้าทำงานและต่อสู้ต่อไป