เปิดหลักฐาน กัมพูชาตั้งฐานปืนกล-บก.ทหาร ที่บ้านหนองจาน ละเมิดอธิปไตยไทย
เปิดหลักฐาน กัมพูชาตั้งฐานปืนกล-บก.ทหาร ที่บ้านหนองจาน ละเมิดอธิปไตยไทย-ละเมิด MOU 43 กองทัพภาคที่ 1 ยืนยัน ต้องผลักดัน-รื้อถอน-ทำรั้วลวดหนามป้องกันภัย และประท้วงกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและใช้โล่มนุษย์
วันนี้ (23 ส.ค. 68) The Reporters ลงพื้นที่ บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT Thailand ได้ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงของไทย และเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 68 กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ได้ทำการผลักดันและรื้อถอนจุดตรวจ บก.514 ของกัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน
พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ชี้ให้เห็นฐานที่ตั้งของ บก.514 กัมพูชา ที่ไทยได้รื้อถอนไปแล้วนั้น โดยจุดที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ตั้งอยู่ในบ้านหนองจานของไทยอย่างชัดเจน โดยขยายออกมาจากบ้านหนองจานที่เคยเป็นศูนย์อพยพชาวกัมพูชา ตั้งแต่ยุคหลังสงครามภายในกัมพูชา ระหว่างปี 2518-2522 ที่ไทยเปิดให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR มาตั้งศูนย์พักพิงผู้อพยพชาวกัมพูชา ที่บ้านหนองจาน มีผู้อพยพกว่า 13,000 คน แต่หลังสงครามยุติในปี 2534 มีบางส่วนที่อพยพกลับ แต่บางส่วนยังตั้งรกรากอยู่ที่บ้านหนองจาน ซึ่งฝั่งกัมพูชาเป็นหมู่บ้านโจกเจย มีจำนวนกว่า 200 หลัง
แต่จุดที่ไทยผลักดันออกไปมีบ้านเรือนประมาณ 10 หลัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวทหาร ที่มาสร้างบ้านรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย และยังพบมีการตั้งฐานทหารอยู่ด้วย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลง MOU 43 ที่ไทยกับกัมพูชาได้ตกลงที่จะไม่สร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดน เนื่องจากพื้นที่บ้านหนองจานอยู่ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46-47
“บ้านหนองจาน ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา ตั้งอยู่ระหว่างหลักเขตแดน 46-47 ที่มีการสำรวจร่วมกันในปี 2550 มีการสำรวจพบหลักเขตที่ได้กำหนดพิกัดไว้ หลักเขต 46 สมบูรณ์อยู่ แต่หลักเขต 47 เหลือแต่ฐาน แต่ทั้งไทยและกัมพูชา ไม่ยอมรับ เพราะมีการอ้างเส้นแนวเขตแดนที่ต่างกัน ถ้าดูจากแผนที่เส้นแนวเขตแดนที่กัมพูชาเป็นเส้นสีแดง ไทยก็อ้างสิทธิ์แนวเขตแดนเป็นเส้นสีน้ำเงิน ซึ่งบ้านหนองจานที่กัมพูชามาตั้งหมู่บ้าน ถ้าเทียบจากเส้นอ้างสิทธิ์เขตแดนของไทยมีประมาณ 200 หลัง หากนับตามแนวเส้นอ้างสิทธิ์ของกัมพูชามีประมาณ 170 หลัง และจุดที่ไทยได้ไปผลักดันและทำรั้วลวดหนาม ซึ่งมีประมาณ 10 หลัง พบว่าอยู่นอกเขตอ้างสิทธิ์ของกัมพูชา จึงอยู่ในพื้นที่ไทย 100 % และยังพบการตั้ง บก.ทหาร ที่ละเมิดอธิปไตยของไทยชัดเจน โดยบ้านเรือนเหล่านั้นก็เป็นบ้านของครอบครัวทหารกัมพูชาด้วย”
พ.อ.ชัยณรงค์ ได้นำทีมข่าว The Reporters ดูจุดที่ตั้ง บก.514 ที่รุกล้ำมาในดินแดนไทย และหลังจากมีการสู้รบเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 ทำให้กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ปฏิบัติตามแผนยุทธบดินทร์ จึงต้องรักษาอธิปไตยของไทย ได้นำกำลังเข้าเจรจากับทหารกัมพูชาที่ บก.514 ในเช้าวันที่ 26 ก.ค. 68 ซึ่งได้เจรจาผลักดันออกไปโดยไม่มีการปะทะ และไทยต้องทำลายป้อมยามจุดตรวจ รวมถึงอาคารที่ประชุมที่ทำงานทางทหาร เพราะละเมิดอธิปไตยไทย แต่ไม่ได้มีการใช้กำลังผลักดันบ้านประชาชน ไทยได้ปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม
นอกจากนี้ยังพบบังเกอร์ และฐานปืนกล ตั้งอยู่ด้วยโดยมีพุ่มไม้หนาแน่นอำพรางไว้ พ.อ.ชัยณรงค์ ยืนยันว่าการวางฐานปืนกลในจุดนี้ และหันมาทางพื้นที่ของไทย เป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างชัดเจน เพราะอยู่ในเขตไทย
สำหรับการทำแนวรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน กองทัพภาคที่ 1 ดำเนินการเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ใช่แนวรั้วกั้นเขตแดน เพราะจุดนั้นอยู่ในดินแดนไทย จึงทำแนวรั้วลวดหนามป้องกันฝั่งกัมพูชารุกล้ำกลับมาอีก หรือลักลอบนำทุ่นระเบิดมาวาง โดย พ.อ.ชัยณรงค์ ยืนยันว่าไทยไม่ได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ทำไว้กับกัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.68 เพราะ เป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย แต่ตรงกันข้ามฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ข้อ 4 และ ข้อ 9 โดยนำเด็ก ผู้สูงอายุ และนำคนพิการมาตะโกนด่าในลักษณะ ยั่วยุ เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และกล่าวเท็จว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่กัมพูชา ทั้งๆที่เป็นพื้นที่ของไทย ซึ่งไทยได้รายงานให้คณะผู้สังเกตการณ์ IOT รับทราบแล้ว
พ.อ.ชัยณรงค์ กล่าวย้ำด้วยว่า เหตุที่กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ไม่ใช้ปฏิบัติการทางทหาร ไม่ใช้อาวุธในการผลักดันชาวกัมพูชากว่า 200 หลังคาเรือน ออกจากบ้านหนองจาน เพราะยังเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดนตามข้อตกลง MOU43 ซึ่งไทยได้มีการประท้วงที่กัมพูชาได้ขยายบ้านเรือนรุกล้ำเข้ามาในเขตของไทยมาตลอด แต่กัมพูชาไม่เคยดำเนินการใด ๆ และยังละเมิด MOU43 ขยายบ้านเรือนเข้ามาเพิ่มเติมในพื้นที่ไทย รวมถึงตั้งจุดตรวจทหารที่ละเมิดอธิปไตยอย่างชัดเจน ไทยจึงต้องผลักดันออกไปเพื่อรักษาอธิปไตยของเราไว้ และเหตุที่ไม่ใช้กำลังทางอาวุธเพราะกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ ตลอดที่มีการสู้รบในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้มีการอพยพประชาชนออกไป ทำให้ไทยต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังไม่ตกหลุมพรางของกัมพูชา
“เขาใช้โล่มนุษย์ในการมาเป็นกำแพงกั้นระหว่างทหาร ไม่ให้เราเข้าไปยึดคืนพื้นที่ที่เรามีอธิปไตยตรงนั้นได้ จึงเป็นเหตุผลที่กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ไม่ได้ใช้กำลังผลักดัน ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการผลักดัน 6 ครัวเรือนที่รุกล้ำออกไป แต่ยังมีอีกกว่า 200 ครัวเรือนที่ยังอยู่ กัมพูชาไม่ได้อพยพออกไป เมื่อมีคนอยู่หนาแน่น ถ้าเราปฏิบัติการทางการทหาร มีการบาดเจ็บล้มตาย เราจะแพ้ในเวทีโลก ไทยจึงไม่ต้องระมัดระวังไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย” พ.อ.ชัยณรงค์ กล่าวย้ำ















