คุณหญิงสุดารัตน์ เห็นด้วยแจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบางก่อน แต่ต้องไม่มีข้อจำกัดการใช้เงิน

คุณหญิงสุดารัตน์ เห็นด้วยแจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบางก่อน แต่ต้องไม่มีข้อจำกัดการใช้เงิน ถามกลับ ระหว่าง “แจกเงิน” กับ ”สร้างรายได้จากอาชีพ“ อะไรยั่งยืนกว่า เห็นด้วย ’ทักษิณ‘ บอกให้คนไทยรักกัน แต่ต้องเริ่มจากผู้มีอำนาจก่อน
วันนี้ (23 ส.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการแสดงวิสัยทัศน์ Dinner talk : Vision for Thailand ถึงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ระบุว่า อย่างน้อยในส่วนของพรรคไทยสร้างไทย ไม่เชื่อว่าการแจกเงินฟรี ๆ เพียงหนึ่งครั้ง จะทำให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน หรือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่วิกฤตอย่างนี้ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่วิกฤตในตอนนี้ ผิดกับตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง เพราะตอนนั้นคนรวยเสียงดังเจ๊งแล้วแก้ไขทันทีภายในครึ่งปี แล้วก็ขายทรัพย์สินให้กับต่างชาติ
สำหรับครั้งนี้ซึมลึกมายาวนาน ตั้งแต่คนรากหญ้า เศรษฐกิจแย่มามากกว่า 5 ปี กระเพื่อมมาถึงคนระดับกลาง รวมถึงเอสเอ็มอีที่ต้องปิดตัว ทำให้คนตกงานเยอะ วันนี้การช่วยให้เกิดการใช้จ่ายในช่วงสั้น ๆ อาจทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้แค่ 0.5% เราคิดว่าถ้ายังดึงดันจะแจก ก็ต้องถือว่าผิดจากนโยบาย หรือสิ่งที่พรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทยพยายามจะพูดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องการสงเคราะห์ แต่คือเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าวันนี้จะกลับมาแจกเป็นเงินสด ก็ยังดีสำหรับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ให้เขาได้ยืดลมหายใจ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า แต่ในเมื่อจะแจกเป็นเงินสด และให้กลุ่มเปราะบางก่อน ก็เป็นเรื่องดี แต่อยากฝากไปว่า อย่ามีข้อจำกัดในการใช้เงิน ให้เขาเอาเงิน 10,000 บาทนี้ไปใช้ ไม่จำเป็นต้องไปบังคับให้ซื้อของอุปโภคบริโภค แต่ให้เขาไปใช้หนี้จ่ายค่าน้ำค่าไฟได้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า หากถามว่าอะไรดีกว่ากัน ระหว่างการแจกเงินกับการสร้างให้คนมีรายได้มีอาชีพอย่างยั่งยืน ยังไม่สายที่จะเอาก้อนแรก 1-2 แสนล้านบาทนี้ แต่ที่เหลืออยากให้ใช้ให้เกิดความยั่งยืนต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะเป็นผลดีกับประชาชน และย่อมจะเป็นผลดีกับรัฐบาลเอง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายทักษิณ กล่าวว่า อยากให้คนไทยสามัคคี ร่วมด้วยช่วยกัน จะมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ตนเห็นด้วยถ้าคนในชาติจะสามัคคีกัน แต่คิดว่าต้องเริ่มจากผู้มีอำนาจ และรัฐบาลก่อน และนี่ไม่ใช่การพูดครั้งแรก แต่พูดหลายครั้งในเวลามีความขัดแย้งตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ว่าถ้าจะพูดเรื่องความสามัคคี จะต้องเริ่มตั้งแต่ผู้มีอำนาจเปิดโอกาสให้มีการพูดคุย และใช้กฎหมายต่างๆ ให้เป็นธรรม รวมทั้งการรักษาจริยธรรมการเมืองที่ดีงามถึงจะเกิดได้จริง และไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องเริ่มจากการปฎิบัติจริงๆ จึงจะเกิดความสามัคคีในชาติ ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง ประเทศจะได้เดินหน้าได้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า แต่ความสามัคคีนั้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของบางกลุ่ม บางพรรคเท่านั้น แต่ความสามัคคีจะต้องเกิดประโยชน์กับคนทั้งหมด โดยเฉพาะคนไทยที่ตลอด 20 กว่าปีมานี้ เกิดการแตกแยกกัน จะทำอย่างไรให้เขาได้รับประโยชน์ ได้รับการเยียวยาในสิ่งที่สูญเสียไป จึงจะเกิดความสามัคคีอย่างแท้จริง