โฆษก พปชร. งงคำตอบ รองนายกฯ แจงภารกิจนายกฯ ไปอังกฤษ ใช้เงินหลวงหรือเงินส่วนตัว
โฆษก พปชร. งงคำตอบ รองนายกฯ แจงภารกิจนายกฯ ไปอังกฤษ ใช้เงินหลวงหรือเงินส่วนตัว ทั้งที่หมายเดินทางไม่ชัด ลั่น ไม่เข้าใจคำถาม หรือตอบคำถามไม่ได้
วันนี้ (23 พ.ค. 68) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า รู้สึกงง รองนายกฯ ไม่เข้าใจคำถาม หรือตอบคำถามไม่ได้ กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศอังกฤษโดยใช้งบประมาณของราชการ และไม่เปิดเผยรายละเอียดกำหนดการ และรายละเอียดการเดินทาง และเกิดประโยชน์กับทางประเทศชาติและอย่างไร ได้แต่คำตอบเพียงว่า นายกฯ รวยล้นฟ้า มีเงินมากมาย ไม่เอางบประมาณหลวงไปเที่ยวส่วนตัวเพียงเท่านั้น
“ประชาชนมีความสงสัยว่า หากท่านนายกฯ ไปด้วยภารกิจส่วนตัว ทำไมจึงต้องใช้งบประมาณของพี่น้องประชาชนไปใช้ในการเดินทางด้วย แต่ถ้าเดินทางไปราชการจริง ก็ไม่ยากที่จะแสดงกำหนดการ รายละเอียดการเดินทาง ผู้ร่วมคณะการเดินทาง งบประมาณที่ใช้เป็นจำนวนเท่าใด วัตถุประสงค์การเดินทางว่าเกิดประโยชน์กับประเทศชาติเพียงใด คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนประชาชนอยากจะรู้ เพราะท่านนายกฯ ถือเป็นคนสาธารณะ อาสามาทำงานให้บ้านเมือง” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า สวนดุสิตโพล ระบุชัดว่า เศรษฐกิจไทยดิ่งลงอย่างมาก คนไทยครึ่งประเทศไม่มีเงินสำรอง 48.32% อยู่ไม่ถึง 1 เดือนถ้าตกงาน อีก 35.24% อยู่ได้แค่ 1-3 เดือน ร้านอาหารทยอยปิดเป็นรายวัน ประชาชนตกงาน โรงงานอุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิต ขณะเดียวกัน นายกฯ กลับใช้เงินภาษีของประชาชนไปต่างประเทศโดยไม่แจ้งรายละเอียด ทำให้ประชาชนสงสัย ถ้าอยากไปส่วนตัวเพื่อไปพบใครบางคนก็ควรใช้เงินส่วนตัวไม่ใช่เงินงบประมาณของประชาชน เมื่อใช้เงินส่วนตัวก็ไม่มีใครสนใจเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวด้วยว่า ประชาชนสงสัยตรรกะในการตอบคำถามของรองนายกฯ เช่น MOU44 ที่ตอบมาว่า เกาะกูดยังเป็นของไทย แต่พื้นน้ำรอบ ๆ เกาะกูด เป็นพื้นที่ใช้ร่วมกัน งงมาก อยู่ดี ๆ พื้นน้ำรอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเลซึ่งเป็นอาณาเขตพื้นน้ำของไทย กลับบอกว่าเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมก็เป็นอาณาเขตของไทย แต่กลับสั่งถอนทหารไทยออกจากพื้นที่ และยินยอมให้ทหารต่างชาติเข้ามาประจำในเขตพื้นที่ประเทศไทย โดยบอกว่าเป็นความสัมพันธ์อันดี
นอกจากนี้ กรณีรถ BMW เฉี่ยวชนบนทางด่วน คู่กรณีฝ่ายหนึ่งประกาศกลางสถานีตำรวจทางหลวงว่าเป็นญาติของนายตำรวจใหญ่ และอดีตนายกฯ ยังบอกว่าไม่เกี่ยวกัน เป็นการจับแพะชนแกะ แต่กลับไปเป็นประธานฯ ให้ และพาลูกสาวไปด้วย ยอมสละเวลาไปเป็นประธานงานบวช ขณะที่ขอเลื่อนการรายงานตัวต่อพนักงานอัยการในคดีอาญามาตรา 112 ประชาชนงงว่า รองนายกฯ ไม่เข้าใจคำถาม หรือตอบคำถามไม่ได้กันแน่
