‘ถาวร’ ไม่วิพากษ์ความขัดแย้ง พปชร. ชี้ เป็นนักการเมืองอย่าไปหลอกต้มประชาชน
ขอให้อยู่ในครรลองครองธรรม มอง 3 เดือนนี้ นายก-สภา ยังอยู่ได้ แต่ต้องเร่งดึงเสียงข้างมากมาสนับสนุน
วันนี้ (23 ม.ค. 65) นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการมาร่วมให้กำลังใจพรรคไทยภักดีในการปราศรัยวันนี้ว่า เป็นการมาให้กำลังใจนักการเมืองและพรรคการเมืองรุ่นใหม่ที่มีเสนอตัวมารับใช้ประชาชน เพื่อเติมคนดีเข้าสภา และมาดูพรรคการเมืองแนวใหม่ที่มีการบริหารจัดการนอกระบบว่าประชาชนจะมีความเชื่อมั่นและเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ซึ่งดูแล้วผลตอบรับของประชาชนน่าชื่นใจ เพราะประชาชนบางคนก็ไม่ต้องการการเมืองในระบอบธนาธิปไตยโดยใช้เงินเป็นหลัก ทำให้พรรคไทยภักดีที่มีเจตนารมย์ที่ดีในการทำหน้าที่ให้กับประชาชนในสภา ตนจึงเชื่อว่าประเทศไทยยังมีหวัง
ส่วนทิศทางทางการเมืองของตนเอง ขณะนี้ก็ขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และตอนนี้ก็ยังว่างเว้น และยังมีความเป็นอิสระ จึงขอตั้งหลักสักระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ เพราะยังมีสิทธิในการสมัคร ส.ส.แต่เมื่อดูบรรยากาศทางการเมืองแล้วคิดว่า นายกรัฐมนตรีอาจจะเข้ามุมอับในบางเวลา และบางเวลาก็แก้ไขสถานการณ์ได้ จึงมองว่าอาจจะมีการยุบสภาในเร็ววันนี้ แต่ในระหว่างนี้อีก 3 เดือนสภานี้จะยังอยู่ เมื่อสภายังอยู่ตนก็มีเวลาที่จะพินิจพิจารณาว่า จะไปอยู่กับพรรคไหนเล่นการเมืองกับพรรคใด ซึ่งพรรคไทยภักดี เป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่อยู่ในหัวใจ เพราะนโยบาย และอุดมการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนชอบพรรคหนึ่ง
เมื่อถามถึงความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ นายถาวร ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมองว่าเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กันทั้งนั้น แต่คิดว่าความเป็นผู้ทำหน้าที่ทางการเมือง จะต้องรู้จักผิดและชอบ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมยังไง เพราะประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยกำลังมองดูอยู่ หากจะไปหลอกต้มประชาชนด้วยการให้สัมภาษณ์ และหลอกต้มโดยการใช้กลยุทธ์ต่างๆ ก็เชื่อว่าประชาชนจะจับทางได้ อยู่ที่ว่าประชาชนจะพูดหรือไม่พูด ดังนั้นจึงมองว่านักการเมืองแต่ละคนอย่าอวดดี อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้ตามไม่ทัน และขอให้คนที่เสนอตัวเป็นนักการเมืองอยู่ในครรลองครองธรรม
ส่วนกรณีที่มองว่า สภาจะยังอยู่ใน3เดือนนี้ แล้วหลัง 3 เดือนเมื่อมีการเปิดประชุมสภาฯ สมัยหน้าแล้วนั้น จะอยู่ได้หรือไม่ นายถาวรมองว่า ขึ้นอยู่ที่การบริหารจัดการภายใน 3 เดือนนี้ นายกรัฐมนตรีจะดึงเสียงข้างมากมาสนับสนุนได้เพิ่มอีกหรือไม่ ซึ่งต้องประเมินกันวันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์