‘ชัชชาติ‘ ชวนคน กทม. ถ่ายน้ำมันเครื่อง – เปลี่ยนไส้กรองรถ ลดฝุ่น
‘ชัชชาติ – ปลัดกระทรวงพลังงาน’ ร่วมรณรงค์แก้ปัญหาฝุ่น เชิญชวนคน กทม. ถ่ายน้ำมันเครื่อง – เปลี่ยนไส้กรองรถ พร้อมรับโปรโมชั่นจาก 15 บริษัทผู้ค้ำน้ำมันและรถยนต์
วันนี้ (22 ธ.ค. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารกรุงเทพมหานครและสำนักสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่แจกสติกเกอร์คนกรุงเทพมหานคร ลดการปล่อย PM2.5 จากยานยนต์ เริ่มต้นที่ตัวเอง พร้อมรับโปรโมชั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจาก 6 บริษัทผู้ค้าน้ำมัน และ 9 บริษัทผู้ค้ารถยนต์ ลดสูงสุด 55% ที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และศูนย์บริการยานยนต์ฟิต ออโต้ สาขาวิภาวดี เขตพญาไท
นายชัชชาติ กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร กระทรวงพลังงาน เอกชน สภาอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมมือกันรณรงค์เรื่องการลด PM2.5 อย่างแท้จริง โดยเรื่องของฝุ่น PM2.5 สาเหตุหลักมี 3 อย่าง ได้แก่ ฝุ่นจากรถที่มีการเผาไหม้ ฝุ่นการจากเผาชีวมวล และสภาพอากาศที่ปิด เมื่อสภาพอากาศเปิดจะลดลงมา 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถ้ารถยนต์รวมกับอากาศปิดจะเพิ่มขึ้นเป็น 60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และถ้ารถยนต์รวมกับอากาศปิด รวมกับการเผาชีวมวลจะเพิ่มขึ้นไปถึง 90 – 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แม้จะไม่มีควันดำ แต่รถยนต์ก็ยังปล่อย PM2.5 อยู่ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง ตึงเป็นการรณรงค์ให้เปลี่ยน โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซลเก่า
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาเศรษฐกิจ เพราะคนที่ใช้รถกระบะดีเซล ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หากเศรษฐกิจไม่ดีก็จะเลื่อนการเปลี่ยน้ำมันเครื่องและไส้กรองออกไป เพราะไม่มีเงิน จึงร่วมมือกับบริษัทเอกชน บริษัทน้ำมันจัดแคมเปญขึ้นตั้งแต่วันนี้ – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ อยากให้ช่วยกันลดการใช้รถยนต์ ใช้รถสาธารณะให้มากขึ้น และเป็นหน้าที่เราที่ต้องพยายามให้คนที่ใช้รถส่วนตัว หันมาใช้รถสาธารณะให้มากขึ้น เราจะต้องจูงใจให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรม อาจจะลำบากช่วงแรก แต่ต้องดูกันต่อไป
ส่วนรถใน กทม. ทุกชนิดที่มีอายุเกิน 7 ปี มีอยู่ 6 ล้านคัน แต่มีรถกระบะดีเซลเก่า 960,00 คัน ซึ่งเราต้องโฟกัสในส่วนนี้ โดยปีที่แล้วก็มีการรณรงค์ให้เปลี่ยน แต่แคมแปญไม่ได้ใหญ่ การเปลี่ยนทุกอย่างมีต้นทุนของผู้ประกอบการ ตอนนี้มีการเลื่อนมาตรฐานรถยูโรไป ดังนั้นค่ายรถก็ต้องออกมาตรการมาในการชดเชยค่ามาตรฐาน ครั้งนี้จึงเป็นการโปรโมทจริงจัง เป็นแคมเปญใหญ่ครั้งแรก โดยมีเป้าหมายให้ถึง 3 แสนคัน
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน โดยเริ่มจากการปลูกฝังจากนักเรียน ให้เข้าใจปัญหาฝุ่นที่ต้นตอ และไปต่อที่ครอบครัว ชุมชน ต้องเริ่มจากความเข้าใจ ฝุ่นไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ มีคนทำให้เกิดขึ้น เชื่อว่าจะช่วยกันลดได้ถ้าร่วมมือกัน รวมถึงมาตรการทางกฎหมายที่ต้องเข้มข้นขึ้น บางอย่างก็มีทั้งไม้อ่อน ไม้แข็ง ร่วมกันไป
นอกจากนี้ ทางกรุงเทพมหานครยังมีโครงการตรวจสุขภาพช่วงปีใหม่ 1 ล้านคน โดยเฉพาะโรคคนเมือง เบาหวาน ความดัน เส้นเลือดตีบ จะเริ่มที่ลานคนเมืองในวันอาทิตย์ เป็นอีกงานที่เราร่วมมือกับหลายภาคส่วน เราทำหลายอย่างในแง่การป้องกัน ทำสวนสาธารณะ สนามกีฬาให้มากขึ้น ให้คนหันรักสุขภาพ ลดการไปโรงพยาบาล ให้คนไม่ป่วยมากขึ้น
ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า ตนเองอยากรณรงค์ให้คน กทม. ช่วยกันลดฝุ่นควัน แม้จะไม่มีควันดำ แต่ก็ยังเป็นสาเหตุที่ปล่อย PM2.5 อยู่ดี จึงอยากเชิญชวนให้มาเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง เปลี่ยนให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็ว ยิ่งดี เพราะบางแคมเปญก็จำกัดจำนวนคันในการเข้าใช้บริการ
โดยผู้ค้าน้ำมัน และบริษัทผู้ค้ารถยนต์ จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการใช้น้ำมัน Euro5 และบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตามนโยบายปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 เป็น Euro5 โดยกระทรวงพลังงาน เนื่องจากน้ำมัน Euro5 มีกำมะถันลดลงกว่า 5 เท่า จึงส่งผลให้ลดการปล่อย PM2.5 ในเครื่องยนต์ดีเซลได้กว่า และจากการทดสอบยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่อง สามารถลดการปลดปล่อย PM2.5 ได้จริง ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ และไส้กรองอากาศตามเวลาหรือก่อนระยะเวลาที่กำหนด จะสามารถช่วยลดการปล่อย PM2.5 ได้ถึง 25% และช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้อีกด้วย ซึ่งกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดให้รถยนต์ส่วนบุคคลของผู้บริหาร
กรุงเทพมหานคร และรถราชการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ภายในวันที่ 24 ธ.ค. 2566 หรือก่อนสิ้นปี 2566
สำหรับ 6 บริษัทผู้ค้าน้ำมัน และ 9 บริษัทผู้ค้ารถยนต์ ที่ร่วมจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการใช้น้ำมัน Euro5 และบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ประกอบด้วย
1.บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด
(มหาชน) (ปตท. OR)
2.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
3.บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด
(มหาชน) (เอสโซ่)
4.บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด 5. บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด
5.บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
6.บริษัท ตรีเพชร อีซูเซลล์ จำกัด
7.บริษัท มิตบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
8.บริษัท ชูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
9.บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
10.บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
11.โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย
12.บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลล์
(ประเทศไทย) จำกัด
13.บริษัท ฟอร์ด เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
14.บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด













