‘ยุทธพงศ์’ ถามหาความรับผิดชอบ ‘ประยุทธ์’ หลัง ร.ล.สุโขทัยอับปาง

‘ยุทธพงศ์’ ถามหาความรับผิดชอบ ‘ประยุทธ์’ หลัง ร.ล.สุโขทัยอับปาง ‘ชัยชาญ’ เผยนายกฯ ติดตาม-สั่งการใกล้ชิด ยันกองทัพใช้งบโดยคิดถึงประโยชน์และความปลอดภัยกำลังพล
วันนี้ (22 ธ.ค. 65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงสาเหตุที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง
นายยุทธพงศ์ อภิปรายว่า เรือสุโขทัยเป็นเรือที่มีความสมบูรณ์แบบ มีสมรรถนะรบได้ถึง 3 มิติ พร้อมตั้งคำถามไปถึงการแต่งตั้งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้มาดำรงตำแหน่งหรือมีความรู้เป็น 0 ทำให้การทำงานออกมาห่วยแตก และจนถึงขณะนี้ กรมอุตุนิยมวิทยายังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็น จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีไปเช็คบิลเรื่องนี้ เพราะนอกจากเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางแล้ว ยังมีเรือพาณิชย์และเรือประมงอีกหลายลำอับปางเช่นกัน นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร และเพราะเหตุใดตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ นายกรัฐมนตรีจึงยังไม่ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง
พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มาตอบกระทู้สดแทนนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ กองทัพเรือเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางทะเล ซึ่งก่อนจะส่งเรือหลวงสุโขทัยออกปฏิบัติการ ได้ประเมินขีดความสามารถและศักยภาพของเรือแล้ว แต่ด้วยสภาพอากาศจึงทำให้เรือหลวงสุโขทัยประสบเหตุขึ้น
พลเอก ชัยชาญ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดตามสถานการณ์และสั่งการมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตและความปลอดภัยของกำลังพล ซึ่งหลังจากวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พลเอก ชัยชาญ เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่กองทัพเรือภาค 1 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวกำลังพล และให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน และสั่งการให้ทุกเหล่าทัพ ระดมสรรพกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้มีเรือเข้าไปในพื้นที่จำนวน 8 ลำ
นอกจากนี้ ยังมีเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานจากกองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการแบ่งพื้นที่ให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อค้นหากำลังพลที่ยังสูญหาย และย้ำว่านายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยความเป็นห่วง
นายยุทธพงศ์ จึงลุกขึ้นถามต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่าเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นชนิด MTU ของจีน เมื่อน้ำเข้า จึงทำให้เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าดับ และระบบต่างๆ ของเรือดับไปด้วย เรือจึงไม่มีกำลังที่จะฝ่ากระแสคลื่น เรือที่อยู่บนน้ำ ยังเกิดความสูญเสียกับเครื่องยนต์ขนาดนี้ แล้วสำหรับเรือดำน้ำ กองทัพเรือยังจะใช้เครื่องยนต์ของจีนอีกหรือไม่ ?
ด้าน พลเอก ชัยชาญ ชี้แจงว่า ขณะนี้กองทัพเรือ ยังไม่ตัดสินใจว่าจะใช้เครื่อง MTU ที่ผลิตจากจีนหรือไม่ ซึ่งกองทัพเรือได้มีคณะกรรมการศึกษารายละเอียด ประสิทธิภาพ และจะไปดูถึงโรงงานผลิต เพื่อนำมาวิเคราะห์และประเมิน เพื่อให้ได้เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมาใช้ในเรือดำน้ำ เพราะในเดือน ม.ค.-เม.ย. 66 คณะกรรมการฯ มีกำหนดการจะเดินทางไปถึงโรงงานผลิตที่ประเทศจีน ยืนยันว่ากองทัพเรือจะใช้งบประมาณโดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศและความปลอดภัยของกำลังพลให้ปฏิบัติภารกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด