‘วรภัค’ แจงยิบ ไม่เกี่ยวสแกมเมอร์ รับรู้จักเบน สมิธ เพราะลูกเรียนโรงเรียนเดียวกัน
‘วรภัค’ แจงยิบ ไม่เกี่ยวสแกมเมอร์ รับรู้จักเบน สมิธ เพราะลูกเรียนโรงเรียนเดียวกัน ส่วนยิม เลียก มีคนพามาให้รู้จัก เคยให้คำปรึกษาด้วยวาจา ยัน ไม่เคยเป็น ที่ปรึกษา BIC จ่อฟ้องคนปล่อยข่าว บอก ไม่เคยเป็นนอมินีบริษัทใด ย้ำ ภรรยาไม่เคยรับเงินคริปโตฯ ท้า หากมีหลักฐานให้เปิดมาเลย
วันนี้ (22 ต.ค. 68) นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงหลังมีสื่อต่างประเทศ และนักวิชาการไทยออกมาเผยแพร่ข้อมูลระหว่างนายวรภัค กับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์ ที่อาจเชื่อมกับ แก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ว่า มีกลุ่มคนพยายามใส่ร้ายป้ายสี เชื่อมโยงชื่อของตนกับสแกมเมอร์ เครือข่าย BIC Group และ BIC Bank Cambodia ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรตนเองไม่ทราบ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ตนเองไม่สนับสนุนธุรกรรมผิดกฎหมาย และจะไม่ปกป้องผู้ที่ทำผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ตนเองเคยพบ นายยิม เลียก ประธานกรรมการ BIC Bank Cambodia แต่ไม่เคยเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาใด ๆ และไม่เคยรับผลตอบแทน แต่มีการนำรูปของตนเอง และชื่อไปลงที่ปรึกษาของกลุ่มธนาคารโดยที่ไม่ทราบมาก่อน รวมทั้งความสัมพันธ์กับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ รู้จักในฐานะผู้ปกครองเพราะลูกอยู่โรงเรียนเดียวกัน
ส่วนข้อกล่าวหาว่าเป็นนอมินี บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส เพราะได้ซื้อหุ้น 29% เห็นว่าเป็นโอกาส ซื้อถูกกฎหมาย เห็นเป็นโอกาสซื้อหุ้นในราคาเหมาะสม สร้างความเติบโต มีราคาดีในอนาคต มีผู้สนับสนุนทางการเงิน ทั้งธนาคาร ที่เห็นว่าคุ้มความเสี่ยง การกู้เงินมาซื้อหุ้นที่มีอนาคต ใช้เงินไม่กี่ร้อยล้าน สามารถคอนโทรลบริษัทที่มีมาเก็ตแชร์ลำดับ 2 หลังจากซื้อมาก็ตั้ง บริษัท ฟิลกริม ฟินันซ่า ถือหุ้น 60/40 มาซื้อหุ้น 29% ของฟินันเซียไซรัส ซึ่งมีวงเงิน 2 ส่วน ได้เงินกู้จากแคปิทัลเอเชียอิสเวิร์สเมนต์ ที่ดูแลโดยรัฐบาลสิงคโปร์ และ BIC Bank ลาว ดูแลโดยนักธุรกิจลาว แต่ในที่สุดไม่มีการกู้เงิน เพราะไม่มีใครขายหุ้น ส่วนจะเกี่ยวพันกับ BIC กัมพูชา หรือไม่ ตนเองไม่ทราบ แต่ทราบว่าตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลย มีอัปสราโฮลดิ้งถือ 99% นายยิม เลียก ถือ 1%
จากนั้น ปี 67 ตนเองขายหุ้นให้ นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) หุ้นส่วนเดิม และลาออกจากกรรมการทุกตำแหน่ง และไม่ได้เกี่ยวข้องการบริหาร บริษัท ฟินันเซีย ส่วนคุณช่วงชัยทำอะไร ก็ไม่ได้ติดตามข่าว
ดังนั้น การที่บุคคลใดจะเอาชื่อตนเองในอดีตไปเกี่ยวพัน หรือมโนทึกทักว่าเกี่ยวกับสแกมเมอร์ ไม่จริง กล่าวหาภรรยาว่ารับผลประโยชน์เป็นคริปโตหลายล้านเหรียญ ก็ไม่เป็นความจริงเพราะภรรยาของตนเองไม่มีบัญชี และไม่เกี่ยวข้อง
นายวรภัค ยืนยันด้วยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนเองปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่น ขับเคลื่อนภารกิจด้านเศรษฐกิจ และการคลังของประเทศให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ภายใต้ข้อจำกัดของเวลาที่รัฐบาลมีอยู่ค่อนข้างน้อย และความคาดหวังของประชาชนที่มีอยู่สูง
ตนเองมีประวัติการทำงาน และจรรยาบรรณที่โปร่งใสตรวจสอบได้มาตลอด 30 ปี ในแวดวงการเงินระดับสากล ทั้งในองค์กรต่างชาติ และองค์กรของรัฐขนาดใหญ่ของไทย และยืนยันว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติใด ๆ ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีของตนเอง อยู่บนหลักความสุจริตโปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคม
ส่วนการปรากฏชื่อของนายยิม เลียก และนายเบน สมิธ ที่ทางสหรัฐฯ คว่ำบาตร และเราอาจถูกตรวจสอบ จะกังวลหรือไม่ นายวรภัค ระบุว่า เรื่องนี้ ตนเองพร้อมให้ตรวจสอบ และก็ชี้แจงแทบทุกประเด็นแล้วกับสื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครเป็นคนพานายยิม เลียก มาพบ นายวรภัค กล่าวว่า เขาอยู่ไทยมานาน แต่งงานกับคนไทย ตนเองจำไม่ได้ว่าใครพามา แต่รู้จักกับคนไทยเยอะ ก็มาขอคำปรึกษาในการบริหารธนาคาร เท่าที่รู้จัก ก็มาปรึกษาว่าควรทำยังไง ให้คำปรึกษาด้วยวาจา ตนเองไม่เคยได้รับตำแหน่ง และค่าตอบแทนใด ๆ ส่วนนายเบน สมิธนั้น ตนเองไม่เคยคุยเรื่องธุรกิจอื่น ๆ
นายวรภัค ยังกล่าวอีกว่า จะดำเนินคดีกับผู้ที่ปล่อยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยจะฟ้องทอม ไรต์ ที่เขียนบทความเหล่านี้และผู้ที่นำมาเผยแพร่ต่อ ทำให้คนที่ไม่รู้จักตนเองเข้าใจผิด ส่วนกรณี BIC Bank ที่นำภาพตนเองไปปรากฏในเว็บไซต์นั้น ตนเองไม่น่าจะดำเนินการฟ้อง เพราะตอนที่ตนเองจะเข้าดูในเว็บไซต์ ภาพก็หายไปแล้ว และหลังจากมีข่าว ก็ไม่ได้คุยนายยิม เลียก พร้อมถามกลับว่า “ผมคุยกับเขา เขาทำไรให้ผมได้ เขาก็ทำไรไม่ได้อยู่ดี และตอนนี้ยิ่งมีข่าวว่าเขาไปพัวพันสแกมเมอร์ หากไปโทรหา ก็ยิ่งถูกตรวจสอบ”
เมื่อถามว่า นางกนกพร สีตะวรารัตน์ ภรรยา ถือหุ้นในกองทุน CAI ร่วมกับ นางแคททาลียา บีเวอร์ ภรรยานายเมาเออร์เบอร์เกอร์ โดยถือกองทุนต้องค้ำประกันด้วยหุ้น 24% ใน Finansia นายวรภัค ปฏิเสธพร้อมเผยว่า ภรรยาของตนเองไม่เคยซื้อกองทุนร่วมกับใคร แต่ยอมรับว่าภรรยาตนเองรู้จักกับนางแคททาลียา บีเวอร์ เนื่องจากลูกเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน สนิทมากกว่าตนเอง ยืนยันว่าภรรยาไม่เคยได้รับเงินจากกองทุนนี้ และไม่เคยซื้อกองทุน CAI เช่นกัน
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยว่าภรรยาของตนเอง ได้เงินคลิปโตนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ถ้ามีหลักฐานก็เปิดมาเลย แต่ตนเองเชื่อว่าไม่มี และมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ถูกหลอกใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ สำหรับการป้องกันการนำเงินเทามาฟอกในธนาคารนั้นเป็นหน้าที่ของธนาคารที่ต้องดูแลโดยเฉพาะประเทศที่สุ่มเสี่ยง พร้อมย้ำว่า ธนาคารจะต้องรู้จักกับลูกค้าที่นำเงินมาฝากทั้งหมด เพื่อมีวิธีป้องกัน












